“ภูมิธรรม” ต้นตอคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มาจากไทย
“ภูมิธรรม” ต้นตอคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มาจากไทย ชี้มีหลายประเทศเกี่ยวข้อง ส่วนนายทหารคุยผู้นำหมายเลข2เมียนมาหลายเรื่อง เชื่อ นโยบายซีลชายแดนช่วยลดอาชญากรรมได้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีสื่อเมียนมา กล่าวโทษว่าไทยมีส่วนทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เติบโต รวมถึงมีนายทหารระดับสูงของไทยเข้าพบผู้นำหมายเลข 2 ของรัฐบาลเมียนมาในวันเดียวกัน ว่า การไปพบผู้นำเมียนมา จริงๆแล้วเราทำหลายส่วน ส่วนหนึ่งคือจากกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ไปคุยกับรัฐมนตรีของเมียนมา
อีกส่วนคือทางทหาร เราก็ทำในพื้นที่ คือคณะกรรมการชายแดนในพื้นที่ พยายามจะคุยกับทางเกาะสองรวมถึงส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ให้ไปคุยกับเมียนมาก็เป็นส่วนที่มีความรับผิดชอบเพื่อไปเจรจา ซึ่งจริงๆประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นที่เมียนมา ย้ำว่าไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐบาลไทยหรือประเทศไทยเพียงอย่างเดียว
ส่วนการซีลชายแดนของรัฐบาลในครั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ป้องกันปัญหายาเสพติด เพราะปัญหาชายแดนมีทั้งยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ คอลเซ็นเตอร์ และอีกหลายเรื่องรวมถึงการค้ามนุษย์ ถ้าสามารถซีลชายแดนได้โอกาสที่ปัญหาจะเกิดขึ้นจากฝ่ายไทยก็จะลดลง ซึ่งเรื่องนี้ได้กำชับและบอกทุกคนไปแล้ว
ส่วนกรณีรัฐบาลเมียนมาเนรเทศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณครึ่งแสนคนออกจากประเทศ และในจำนวนนี้มีคนไทยรวมอยู่ด้วย 600 คน นายภูมิธรรม ระบุว่า ส่วนที่ออกมาได้ในครั้งที่แล้ว เราได้ให้ตำรวจเข้าไปสอบสวน นอกจากนี้ก็จะดูว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาอาชญากรรมอื่นๆหรือไม่ หากไม่มีก็ปล่อยไปตามระเบียบ ส่วนคนไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมก็จะสกัดตัวไว้เพื่อสืบ ให้ถึงต้นตอ ขณะนี้จึงอยู่ในกระบวนการของราชการ
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศว่าจะแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ให้สำเร็จภายในปีนี้ รัฐบาลคิดว่าจะทำได้หรือไม่ ว่า เราทำอยู่แล้ว รัฐบาล พยายามแก้ปัญหา แต่จะทำได้หรือไม่ได้นั้น เชื่อว่ากระบวนการซีลชายแดนในเบื้องต้นจะสามารถทำให้ปัญหาลดลง รวมถึงความเข้มงวดและจริงจังของส่วนราชการต่างๆก็น่าจะแก้ไขปัญหาได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





