“กัณวีร์” จี้นายกฯตอบ ส่งกลับอุยกูร์ จริงหรือไม่
“กัณวีร์” จี้นายกฯตอบ ส่งกลับอุยกูร์ จริงหรือไม่ หวั่นเป็นดีลลับร่วมปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการส่ง 48 ชาวอุยกูร์ ผู้ต้องกักในสถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สวนพูล) กลับจีนว่า ข่าวลือนี้ได้ยินอย่างหนาหูตั้งแต่สิ้นปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ว่าจะมีการการส่งกลับชาวอุยกูร์ 48 ชีวิตที่ถูกกักขังตั้งแต่ 11 ปีที่แล้ว คงจะเป็นจริงแล้ว ตนเองเห็นว่าเป็นความเชื่อมโยงระหว่างการส่งกลับชาวอุยกูร์และการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยและจีน
การนำชาวจีนออกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้แล้วก็จะส่งกลับประเทศไปโดยตรง โดยที่ไม่ผ่านเข้ามาในประเทศไทย มีความเป็นไปได้ที่ผู้หนีภัยชาวอุยกูร์ จะถูกสอดไส้ในเครื่องบินที่เช่าเหมาลำจากประเทศจีน ตนเองอยากเห็นรัฐบาลไทยออกมายืนยันข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร มีความร่วมมือหรือสมคบคิดว่าจะผลักดันชาวอุยกูร์ที่จำเป็นจะต้องได้รับความคุ้มครองระหว่างประเทศจากรัฐบาลไทยหรือไม่ ซึ่งตนเองก็ยังไม่ได้ยินคำตอบใด ๆ
นายกัณวีร์ กล่าวอีกว่า สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเองพยามสอบถามไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งระบุว่ายังไม่ได้รับคำสั่งจากฝ่ายรัฐบาล นอกจากนี้ยังพบเที่ยวบินระยะสั้นที่เดินทางออกจากมณฑลซินเจียง เมื่อเวลา 23.00 น.ของคืนวานนี้ ถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา จากรายงานของสื่อมวลชนและบุคคลในพื้นที่ทำให้เห็นได้ว่ามีรถของ ตม.4 คัน ปิดผ้าใบสีดำ ไม่ให้มีผู้ใดเห็นจากภายนอกว่าภายในรถมีใครอยู่ด้านใน และไม่ให้ใครตามขบวนรถขึ้นไปบนทางด่วน
ส่วนวันนี้นางสาวแพทองธา ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ารัฐสภา มีความคาดหวังให้ชี้แจงประเด็นนี้หรือไม่ นายกัณวีร์ ระบุว่า หากเป็นไปได้อยากให้นายกฯ ตอบคำถามนี้ เพราะเป็นความร่วมมือรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่มีใครจะเหมาะสมที่จะตอบคำถามนี้ไปกว่านายกฯ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่ให้ความสำคัญ แต่คืนวานนี้ตนเองได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศที่อยู่ในไทย พวกเขาตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ในการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์
ตนเองตอบกลับไปว่าคนที่สามารถจะยืนยันได้ก็คือรัฐบาลเท่านั้น เราเป็นเพียงผู้ติดตามสถานการณ์ หากเป็นการสมคบคิดระหว่างรัฐบาลไทยและจีน ในขณะที่ไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ก็ควรพิจารณาถอนตนเองออก หากมีการผลักดันชาวอุยกูร์กลับจีนจริง
ส่วนความน่าเชื่อถือของดีลลับในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น นายกัณวีร์ มองว่ามีความเป็นไปได้ เพราะทั้งหมดเกิดจากความร่วมมือของรัฐบาลไทย รัฐบาลจีน และรัฐบาลทหารเมียนมา เมื่อสองวันที่ผ่านมาก็มีการผลักดันส่งกลับผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายชาวเมียนมาไปที่จังหวัดระนอง มีการเคลื่อนย้ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาไปที่จังหวัดระนองราว 200-300 คน เรื่องนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือของทั้ง 3 รัฐบาลหรือไม่
หากวันนี้มีการส่งกลับผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์จะถือว่าเป็นความร่วมมือส่งกลับผู้ลี้ภัยอีกครั้งหนึ่ง หากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นความร่วมมือที่น่าเกลียดที่สุด เพราะไม่มีการเปิดเผยถึงความโปร่งใส พาตนเองอยู่เหนือกรอบของกระบวนการยุติธรรมทั้งในประเทศ เวทีระหว่างประเทศ ถือเป็นความร่วมมือที่ผิดกฎหมายอาญาระหว่างประเทศด้วย
ขณะที่การประชุมไตรภาคีระหว่างไทย เมียนมา และจีน ที่กระทรวงต่างประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จะหารือกันเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น อยากให้รัฐไทยมีวิสัยทัศน์ที่กว้างกว่านี้ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาจากไตรภาคี แต่ข้ามไปถึงไปถึงกลุ่มภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ต้องมองว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไร ใครที่จะร่วมมือกับเราที่ไม่ใช่แค่ความร่วมมือสามฝ่าย แต่ต้องใช้ความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ อย่างองค์การสหประชาชาติ หรือความร่วมมือของรัฐบาลที่อยู่นอกเหนือภูมิภาค
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





