“พิชาย” ชี้ ระบบเลือกสว.ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง มีฮั้วทุกระดับ
เสวนาเลือก สว.จะได้ประกาศผลหรือไม่ “พิชาย” ชี้ ระบบล้มเหลวโดยสิ้นเชิง มีการฮั้วทุกระดับ
ที่ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) จัดเสวนาเลือก สว.จะได้ประกาศผลหรือไม่ ปัญหาฮั้ว กกต.จะสอยอย่างไรผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ วิเคราะห์การเลือก สว.ครั้งนี้ไว้ว่าระบบการเลือกถูกออกแบบโดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมีวัตถุประสงค์ป้องกันการฮั้ว และต้องการ สว.ที่เป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพไปสะท้อนปัญหา ปรากฏชัดเจนว่าระบบนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง มีการฮั้วทุกระดับ มีการจัดตั้งโดยพรรคการเมือง ทั้งเครือข่ายภายในจังหวัด และเครือข่ายสายน้ำเงิน
สว.ที่ได้รับเลือกเป็นจำนวนมาก ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มอาชีพนั้นอย่างแท้จริง ยกตัวอย่าง อดีตคนขับรถของนักการเมืองรายหนึ่ง มีอาชีพเป็นนักฟุตบอล ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นสื่อมวลชนถือเป็นการดูถูกประชาชนอย่างร้ายแรง เป็นการกระทำที่เหิมเกริม
เครือข่ายน้ำเงิน มีความสัมพันธ์เชิงอำนาจกับบางกลุ่มในสังคม ทำให้ กกต.ไม่กล้าตรวจสอบคนกลุ่มนี้ คาดหวังยากว่าอนาคต กกต.จะสอบบรรดา สว.เหล่านี้ให้ออกจากตำแหน่ง เหมือนกับที่ กกต.ไม่สามารถทำอะไรกับ สส.ที่อยู่ภายใต้สังกัดของเครือข่ายนี้ ทั้งที่มีข้อร้องเรียนมากที่สุด แสดงให้เห็นอิทธิพลทางการเมืองของเครือข่ายนี้มีมาก
เครือข่ายน้ำเงินได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มี สส.ของพรรคการเมืองของพวกเขาอยู่ อาจเป็นเครือข่ายที่มีการจัดตั้งตั้งแต่เริ่มต้น และขยายตัวเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับเครือข่ายอื่น ๆ ในช่วงวันเลือก ทำให้ได้เป็น สว.ถึง 60% จากจำนวนทั้งหมด สามารถกุมสภาพการดำเนินงานของสมาชิกวุฒิสภาได้ตั้งแต่ 2 กรกฎาคมเป็นต้นไป สะท้อนว่าเครือข่ายนี้มีศักยภาพสูงมากในการขับเคลื่อนระบบการจัดตั้ง
อีกด้านหนึ่งการเลือก สว.ครั้งนี้เห็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของเครือข่ายเชียงใหม่ หรือเครือข่ายสีแดง สะท้อนว่าการจัดตั้งของเครือข่ายสีแดง อ่อนแอลงจากเดิมมาก บ่งชี้ว่าบารมีทางการเมือง ของผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่ายสีแดงตกต่ำลง การพ่ายแพ้ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจน
ก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าเครือข่ายสีแดงน่าจะเป็นเครือข่ายและกลุ่มเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ ผลปรากฏไม่ใช่อย่างนั้น มีนัยยะว่ากลุ่มอำนาจในสังคมอาจจะไม่ไว้วางใจเครือข่ายสีแดง ไม่ประสงค์ให้เครือข่ายสีแดงยึดกุมทั้งสภาล่างและสภาบน จึงหนุนให้เครือข่ายสายสีน้ำเงินดำเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อยึดกลุ่มสภาบนให้ได้ ซึ่งจะเป็นสภาที่จะรักษาผลประโยชน์และรักษากลุ่มอำนาจเดิม ท่ามกลางความท้าทายของพลังใหม่ในสังคม
การที่เครือข่ายน้ำเงินได้ สว.จำนวนมาก สะท้อนว่าวุฒิสภาถูกครอบงำด้วยเครือข่ายอนุรักษ์นิยมอุปถัมภ์ ซึ่งอาจมีความเข้มข้นน้อยกว่าอนุรักษ์นิยมเชิงจารีต ซึ่งเป็น สว.ชุดปัจจุบัน จุดหวังคืออนาคตของเครือข่ายอนุรักษ์นิยมอุปถัมภ์ อาจมีการปรับเปลี่ยนจุดยืนได้บ้าง อาจมีศักยภาพในการเป็นพันธมิตรกับกลุ่มเสรีนิยมประชาธิปไตย ซึ่งคิดสัดส่วนที่น้อยมากในสภาบน มีเพียง 20-30 คน หรือคิดเป็น 10% เท่านั้น
เราสามารถอนุมานภูมิทัศน์ทางการเมือง จากการเลือก สว.สู่การเลือกตั้งปี 2570 ได้ว่ากลุ่มแรกเครือข่ายสีแดง เป็นประชานิยมฝ่ายขวา แพ้สนามเลือก สว.สะท้อนว่าศักยภาพในการจัดตั้งของเครือข่ายนี้อ่อนแอลงมาก ทั้งนี้ในการเลือก สส.ปีก่อน เครือข่ายสีแดงในสนามนโยบายก็อ่อนแอลงเช่นกัน เรียกได้ว่าอาการหนัก จุดแข็งกลายจุดอ่อน ฟื้นลำบาก เนื่องจากจัดตั้งสู้สายสีน้ำเงินไม่ได้ ส่วนสนามบ้านใหญ่ก็เป็นของเครือข่ายสีน้ำเงินที่มีอำนาจและทรงพลัง
กลุ่มที่สอง เครือข่ายสีน้ำเงิน กุมอำนาจในวุฒิสภาได้ และมีสมาชิกในสภาล่างที่มีนัยยะสำคัญ เป็นไปได้ว่าจะไปจับมือกับกลุ่มอำนาจเดิม ส่งผลกับชะตาของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่รอการวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญกลุ่มที่สาม กลุ่มเสรีประชาธิปไตยที่มีประชาชนไทยหนุนหลังมากที่สุด มีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเรื่อย ๆ การเลือก สว.ทำให้ประชาชนเห็นสภาพความเป็นจริงทางการเมืองว่าไม่ใช่สิ่งที่เป็นปรารถนา นำไปสู่แรงขับเคลื่อนในการเลือกตั้งปี 2570
”ขอเตือนเครือข่ายสายน้ำเงินว่า แม้จะคุณจะกุม สว. เสียงข้างมากจริง แต่การทำอะไรตามอำเภอใจมากจนเกินไป ประชาชนจำนวนมากคงไม่ยอม ขอให้กลุ่มกำลังใจกลุ่มเสรีประชาธิปไตย ยังมีประชาชนเกือบ 20 ล้านคนคอยสนับสนุนให้เป็นหัวหอกในการเปลี่ยนแปลงการเมืองในสภาบน“
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
