กมธ.พิจารณางบกลางแล้ว11รายการแขวนดิจิทัลฯ
กมธ.พิจารณางบกลางแล้ว 11 รายการ แขวนดิจิทัลวอลเลต ข้อมูลไม่ครบถ้วน คาดอีก 1-2 สัปดาห์ นำกลับเข้าหารือใหม่
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด พร้อมด้วย นายพลพีร์ สุวรรณฉวี นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ ทีมโฆษก คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ร่วมกันแถลงผลการประชุม ล่าสุด ใช้เวลาไปแล้ว 1 วัน 18 ชั่วโมง ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณางบกลาง 11 รายการ 14 หน่วยงาน 1 กองทุนคิด เป็นร้อยละ 0.68
โดยเริ่มจากการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศงบประมาณรายจ่ายและการตรวจสอบงบการเงินของหน่วยรับงบประมาณในภาพรวม 4 หน่วยงานประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ ซึ่งกรรมาธิการ ได้ตั้งข้อสังเกตในภาพรวมเศรษฐกิจว่า
ปัจจุบันยังไม่เห็นแผนการปฏิรูปภาษีในอนาคตและแนวทางการจัดการหนี้สาธารณะ มีเพียงแค่การรายงานว่า มีแนวโน้มของการขาดดุลงบประมาณจะทยอยลดลงในทุกปี และแนวทางการแก้ปัญหาภาระทางดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี ดังนั้น แผนบริหารการคลังระยะปานกลาง ควรกำหนดแนวทางและกรอบเวลาการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน
สำหรับการพิจารณามาตราหกงบประมาณรายจ่ายงบกลาง กรรมาธิการ มีข้อห่วงใยในงบกรมบัญชีกลาง โดยให้ข้อสังเกตว่า ควรพิจารณาแนวทางการตั้งงบประมาณ เพื่อเป็นการใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ข้าราชการ ลูกจ้างและพนักงานของรัฐ
ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีในปี 2568 ตั้งงบประมาณวงเงิน 90,000 กว่าล้านบาท และคาดว่าในอีกห้าปีข้างหน้าจำนวนวงเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นจำนวน 150,000 ล้านบาท จึงควรหาแนวทางหรือหลักเกณฑ์การคัดเลือกโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงพิจารณาลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่เป็นภาระกับงบประมาณต่อไป
ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง วงเงินจำนวน 157,200 ล้านบาทนั้น ซึ่งเป็นงบประมาณจำนวนมาก แต่ไม่มีรายละเอียดโครงการให้พิจารณาในที่ประชุมว่าโครงการนี้มีการประมาณการว่าจะได้ผลสำเร็จมากน้อยแค่ไหน เช่น ในเรื่องการจับจ่ายใช้สอย คณะกรรมาธิการ
จึงขอทราบข้อมูลในส่วนนี้ก่อน จึงจะสามารถพิจารณาได้ ทำให้มีการแขวนการพิจารณางบการใช้เงินในโครงการดิจิทัล Wallet 10,000 บาท โดยคาดว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์ จะนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง เชื่อว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ส่วนวันนี้เป็นการพิจารณาต่อเนื่องในมาตราเจ็ดสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 21 หน่วยงาน 3 กองทุน ซึ่งพิจารณาไปแล้วทั้งสิ้น 14 หน่วยงานกองทุน เหลืออีก 7 หน่วยงาน 2 กองทุน
การพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เทศบาลตำบลจำนวน 2,247 หน่วยงาน จะทำหน้าที่เป็นหน่วยรับงบประมาณโดยตรง ดังนั้น ที่ประชุมกรรมาธิการจึงได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณ และฝ่ายเลขานุการในคณะกรรมาธิการร่วมกำหนดแนวทางในการพิจารณาให้มีประสิทธิภาพต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นเพียงการพิจารณางบประมาณในภาพรวมเรียงลำดับตามตัวอักษร เมื่อผ่านไปแล้ว จะเข้าสู่การปรับลดในชั้นของอนุกรรมาธิการอีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





