Home
|
ข่าว

พิธา ซัดรบ.100วันทำงานไม่รู้เปลี่ยนนายกฯ

Featured Image

 

“พิธา” วิเคราะห์รัฐบาลเศรษฐา 100 วันแรก ไม่ให้คะแนน เพราะไม่มีโรดแมปชัดเจน หลายเรื่องทำแบบคิดไปทำไป ไม่รู้อนาคตเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ควรให้โอกาส “เศรษฐา” ทำงาน พร้อมยืนยันเป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ ไม่ต้องล้มรัฐบาล เมินประชาธิปัตย์จ่อย้ายขั้ว

 

 

 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ตั้งโต๊ะแถลงข่าววิเคราะห์การดำเนินงาน 100 วัน หรือในรอบ 3 เดือนแรกของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมีทั้งข้อดี และข้อเสียว่า ยังประเมินเป็นคะแนนไม่ได้ ทำได้อย่างมาก แค่การวิเคราะห์ เพราะไม่มีโรดแมปออกมาว่า รัฐบาลจะทำอะไรที่ชัดเจน แต่มีหลายเรื่องที่เห็นว่า ทำได้ดีเช่นกัน ที่ช่วยเหลือแรงงานไทยและตัวประกันในอิสราเอล และการดูแล Sme จึงถือว่าการทำงานของรัฐบาลผ่านบ้าง ไม่ผ่านบ้าง ซึ่งทำออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีบางเรื่องทำได้ดีแล้ว ก็ขอให้ทำต่อบางเรื่องที่ทำแล้ว ยังมีข้อที่จะต้องพัฒนาและปรับปรุงก็หวังว่า รัฐบาลจะรับฟังในการทำงานของฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์และฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน

 

 

 

โดยในเชิงของรัฐศาสตร์นั้น 100 วันแรกเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ว่าการเมืองไม่มีเวลาฮันนีมูน โดยเฉพาะวิเคราะห์แบ่งเป็น 3 ประการ คือ 1.การแสดงถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสัญญาที่ให้กับประชาชนก่อนมาเป็นรัฐบาล
2.โรดแมพ 100 วันแรกในการที่จะตามงานหรือสั่งงาน และ 3.การบริหารความคาดหวังความเชื่อมั่นนักลงทุนจากต่างประเทศ แต่ก็เข้าใจว่ามีข้อจำกัดเรื่องเวลาและงบประมาณแผ่นดิน

 

 

 

 

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐาประกอบด้วยกรอบ 5 คือ 1.คิดดีทำได้ การช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยในอิสราเอล คือสิ่งที่รัฐบาลทำได้ดี ,จัดหาวัคซีน HPV รัฐบาลทำได้ดี การแก้ปัญหาหนี้ในระบบและนอกระบบ ผ่านการผ่านการแถลง 2 ครั้งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร ทั้งการอนุมัติงบเยียวยา 50,000 บาท การช่วยเหลือตัวประกันออกมา 23 คน อนุมัติสินเชื่อ คืนถิ่นให้กับกลุ่มแรงงาน พร้อมฝากช่วยเหลือกลุ่มตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาส อีก 9 คนหวังว่ารัฐบาลจะไม่ลืมพวกเขา

 

 

 

 

2.คิดไปทำไป การปรับเปลี่ยนไปมา ไม่ว่าจะเป็นที่มาของเงิน เทคโนโลยีที่ใช้ และผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายดิจิทัลวอลเลท และการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงเรื่องของโครงการแลนบริด ซึ่งในนโยบาย แจกเงินดิจิตอล wallet ที่มีกรรมเปลี่ยนมาแล้ว 4 ครั้ง จะเป็นการใช้งบประมาณที่เราลูกหลานเราต้องมาชดใช้ในอนาคต รวมถึงเป็นการเบียดบังงบประมาณที่สามารถใช้แก้ปัญหาเรื่องอื่นๆในระยะยาวต่อได้ ซึ่งการที่รัฐบาลไม่คิดอย่างรอบคอบและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทำให้เกิดความสับสนในสังคมและในกลุ่มของตลาดทุนด้วย สิ่งที่คาดหวังจากรัฐบาลคือต้องมีแผน 2 หากจะเอา wallet ไม่ควรที่จะต้องปรับเปลี่ยนอีกแล้ว แต่หากจะไม่เอาดิจิตอล wallet ก็จะต้อง มีความชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว

 

 

 

 

3.คิดสั้นไม่คิดยาว เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าไฟ ค่าพลังงาน ค่าคมนาคม ลดรถไฟฟ้า 20 บาทตลอด มีแต่มาตรการระยะสั้นและยังไม่เห็นมาตรการการแก้ปัญหาที่ต้นตอ เช่นเรื่องของการลดค่าไฟฟ้า ให้อยู่ที่ 3 บาท 99 สตางค์ ต่อหน่วย หรือลดค่าโดยสาร รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตอนนี้ยังไม่เห็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต้นลม

 

 

 

 

4. คิดใหญ่ทำเล็ก การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไม่ว่าจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ หรือการบริหารการท่องเที่ยวผ่านวีซ่าฟรี และการลดความเหลื่อมล้ำให้กับประเทศไม่ว่าจะเป็นที่ดินสปก. และค่าแรงซึ่งเราเห็นนายกรัฐมนตรีมีสั่งการ เมื่อไม่ได้ตัวเลขที่ควรจะเป็น หรือตัวเลขที่ได้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ ซึ่งมีการแสดงออกถึงความไม่พอใจ โดยสิ่งที่รัฐบาลทำแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี และมีความคล้ายคลึงกับนโยบายที่ก้าวไกลเคยเสนอไว้ ว่าคณะกรรมการซอฟพาวเวอร์ การเคาะงบประมาณ 5 พันล้านบาท สนับสนุน 11 อุตสาหกรรม หรือการทำเฟสติวัล Winter festival และสงกรานต์ตลอดเมษายน แต่สิ่งที่ควรจะเป็นคืออยากเห็นการเสนอแก้กฎหมาย เช่น พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ เพิ่มเสรีภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือการแก้กฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ เพื่อลดขั้นตอนขออนุญาตกองถ่ายหรือจัดเฟสติวัล หรือการสนับสนุนการรวมตัวของแรงงานฟรีแลนซ์ รวมไปแก้ถึงการแก้กฎกระทรวงสุราก้าวหน้า เป็นต้น

 

 

 

 

5.คิดอย่างทำอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการเมือง เช่น ร่างรัฐธรรมนูญ การทำประชามติที่มาของสสร. และไม่ชัดเจนว่าจะมีสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่ การปฏิรูปกองทัพ ทั้งนี้ค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่สภาสมัยที่แล้วในการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยมีความคิดที่เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกล แต่การกระทำตอนนี้ค่อนข้างตรงข้ามกับสิ่งที่เคยคิดไว้

 

 

 

 

สำหรับความคาดหวังการทำงานของรัฐบาลในปีหน้า ที่รัฐบาลควรมี Strategic Roadmap ที่ชัดเจนที่ต้องการเห็นแผนการทำงานของรัฐบาล 1 ปี ต้องมีการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพมากว่านี้ และในฐานะรัฐบาลผสมก็ต้องทำงานให้มีเอกภาพมากกว่านี้ และควรศึกษารายละเอียดของโครงการที่จะทำให้ดีเสียก่อนที่จะประกาศออกไป และต้องเป็นแผนที่ประชาชนและสื่อมวลชนสามารถติดตามกับการทำงานของรัฐบาลได้ และมี KPI ที่ชัดเจน

 

 

 

 

ส่วนสถานการณ์การเมืองในปีหน้า มีการวิเคราะห์ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจากนายเศรษฐา ทวีสินเป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และโครงการดิจิทัลวอตเล็ตจะไม่เกิดนั้น นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบ แต่การปรับเปลี่ยนทิศทางน่าจะเหมาะสมมากกว่าการหาทางลง เพราะประเทศไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ แต่ขอให้ปรับเปลี่ยนทิศทางมีเป้าหมายและมีความเป็นมืออาชีพ ก็จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ที่ดูแล้วเหมือนร้อนในปีหน้า ก็จะเบาบางลงได้และการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในตอนนี้ ควรให้โอกาสนายกรัฐมนตรีได้ทำงานก่อน ส่วนในอนาคตก็มีการประเมินสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ แต่คงไม่เป็นสาระสำคัญในการแถลงวันนี้

 

 

 

 

สำหรับกรณีที่มีการประเมินว่านายเศรษฐา ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงนั้น นายพิธา กล่าวว่าเห็นตัวอย่างเรื่องที่นายกออกข้อสั่งการ ที่ไม่พอใจ ค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งหากเป็นตนก็จะไปดูสูตรการคำนวณ ซึ่งนอกจากจะสั่งงานว่าเอาเป้าหมายอย่างไรก็ต้องส่งคนเข้าไปดูว่ากระบวนการเกิดขึ้นอย่างไร ก็จะไม่มีเซอร์ไพรส์ออกมาในหน้าข่าว หากมีการตามงานภายใน จึงอยากเสนอแนะนายกรัฐมนตรีว่า ไม่สามารถสั่งการลงไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที เพราะการบริหารราชการแผ่นดินไม่เหมือนกับเอกชน ที่จะต้องมีกระบวนการในการบริหารงานและให้คนไปติดตามว่าสิ่งที่สั่งการนั้น เป็นไปได้ทางกฎหมายหรือไม่ ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็จะต้องมีการปรับแก้อย่างไร

 

 

 

นายพิธา กล่าวว่า โจทย์หินของรัฐบาล คือ เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ GDP ที่ไม่แน่ใจว่าจะถึง 2% หรือไม่ เรื่องของดิจิตอลวาเล็ตที่อยู่ในกฤษฎีกา เรื่องของการท่องเที่ยวที่รายได้ไม่ถึง 4 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย แม้จะมีคนมาท่องเที่ยว 27 ล้านคนก็ตาม การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่คาดไว้ในระดับ60% ดังนั้น ฟรีวีซ่าตรงนี้ ก็ไม่เพียงพอ คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาล หากฟังประชาชนบ้าง เพื่อนนักการเมืองบ้างว่ามีความจำเป็นว่าจะต้องทำงานแบบมีโรด แมป

 

 

 

 

 

ส่วนจะให้เวลารัฐบาลทำงานนานแค่ไหนก่อนที่จะมีการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปนั้น นายพิธา กล่าวว่าเรื่องการยื่น 151 จะรอดูว่า หากพ.ร.บงบประมาณไม่มีรายละเอียด การยื่นอภิปรายไม่วางใจ น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้นำฝ่ายค้าน ก็คงจะยื่นในไตรมาสที่ 1 หรือไตรมาสที่ 2 ขึ้นอยู่กับผลการชี้แจงผ่านพ.ร.บ.งบประมาณที่เข้ามาก่อน ก็จะใช้โอกาสนั้น ในการชำแหละเรื่องของงบประมาณ ว่าตรงกับสิ่งที่เสนอไว้ในเรื่องวิสัยทัศน์หรือไม่ รวมถึงการชี้แจงคำถามของทางฝ่ายค้านหากทำได้ไม่ดี ก็คงจะมีการยื่นอภิปรายไม่วางใจ ขณะเดียวกันยังติดตามเรื่องการทุจริต การใช้งบประมาณ ก็มีหากมีหลักฐานที่ชัดเจนก็อาจจะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลในต้นปีหน้า

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน นายพิธาไม่ตอบคำถามว่า มั่นใจในพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ หลังเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคว่า จะยังคงเป็นฝ่ายค้านร่วมกันว่า แต่มั่นใจในตัวเรา ไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหน พรรคก้าวไกลก็ยังเป็นพรรคอันดับ 1 ของประเทศอยู่ดี เป็นพรรคที่มี สส.มากที่สุดอยู่ดี มีประธานกรรมาธิการอยู่หลายคณะ ดังนั้น เราตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประชาชน ไม่ว่าจะผ่านกรรมาธิการ ผ่านสภา ก็เชื่อว่าจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกและทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความสุขให้กับพี่น้องประชาชน และมั่นใจในตัวของเราและมั่นใจในการทำงานของพรรคก้าวไกลจะทำงานให้เป็นความหวังของพี่น้องประชาชนให้สมกับที่พี่น้องประชาชนให้มา

 

 

 

 

 

ส่วนที่มองกันว่า ฝ่ายค้านมัวแต่แก้ปัญหาภายในพรรคไม่ได้ทำงาน มีผลงานนั้น นายพิธา กล่าวว่า ในส่วนที่มีปัญหาก็ต้องแก้กันไป แต่สิ่งสำคัญ จะต้องทำงานตามที่สัญญาไว้กับประชาชน โดยเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ให้ใช่จ้องแต่จะล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ยอมรับ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่า สส.หลายคนของพรรค เป็น สส.ส้มหล่น ซึ่งก็จะพยายามพัฒนาบุคลากรของพรรคให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าวผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า “นนกุล”ชานน สันตินธรกุล เปิดตัวกับแอฟ ทักษอร แล้วรู้สึกอย่างไร นายพิธาหัวเราะ พร้อมกับบอกว่า “ยินดีด้วยครับ”

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube