fbpx
Home
|
ข่าว

“ชัยชนะ” อัด”ดิจิทัลวอลเลต” เข้าทำนองกลับไม่ได้ไปไม่ถึง

Featured Image
“ชัยชนะ” อัด”ดิจิทัลวอลเลต” เข้าทำนองกลับไม่ได้ไปไม่ถึง มองเตรียมหาทางลงโดยการออก พ.ร.บ. หวังโยนบาป สส.ที่ไม่เห็นด้วยเป็นผู้ขวางไม่ให้ดำเนินนโยบาย

 

 

 

 

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่หลายฝ่ายมีการวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้ว่า นโยบายดังกล่าว ถือเป็นการเทหน้าตักอีกเรื่องของพรรคเพื่อไทยในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องการจะดันให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อหวังคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป โดยหวังว่าจะสามารถสร้างภาพจำให้กับประชาชนในเรื่องของประชานิยม ซึ่งตลอดมาถือว่าถ้านึกถึงพรรคเพื่อไทย ก็ต้องนึกถึงนโยบายทำนองนี้

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน มองว่า ยังเป็นการทุ่มหมดหน้าตักทางด้านตัวบุคคล โดยนายเศรษฐา ทวีสิน ตั้งใจที่จะมาควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ด้วยตนเอง มีการส่งขุนพลคู่ใจอย่าง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเอาข้าราชการประจำที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจอย่าง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ มาเป็นมือไม้ โดยหวังเกลี้ยกล่อมให้ข้าราชการประจำคล้อยตามนโยบายดังกล่าว แต่ปรากฏว่า มาจนถึงวันนี้ ก็ไม่มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงฯ แสดงท่าทีว่าจะสนับสนุนนโยบายนี้ รวมทั้งเท่าที่มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ก็ไม่มั่นใจว่า นโยบายนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง เหมือนกับการนำเงินที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ มาใช้ดำเนินนโยบายโดยวัดดวงแบบไปตายเอาดาบหน้า และก็ได้สะท้อนกลับมาอย่างจริงจังว่า ขอเป็นเงินสดที่ใช้ได้จริง ณ วันนี้ ไม่ใช่เงินสกุลในอากาศที่เขาต้องรอกระบวนการต่างๆ มากมาย ซึ่งเชื่อว่า มีช่องทางในการทุจริตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

 

 

 

 

ดังนั้น ตนเชื่อว่า นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น เข้าทำนองที่ว่า ‘กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง’ เพราะก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยก็โฆษณาหาเสียงว่า จะดำเนินนโยบายโดยไม่มีการกู้เงินมาอย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่า สุดท้ายก็ต้องหาทางลงแบบไม่ให้เสียหน้ามาก โดยเปิดช่องให้มีการตราเป็นพระราชบัญญัติ เพื่อที่ต้องการให้ ส.ส. ที่ไม่เห็นด้วย ลงมติไม่เห็นชอบ และหวังจะโยนบาปว่า ที่ทำนโยบายไม่ได้ เพราะ ส.ส. ที่ลงมติไม่เห็นชอบ จะได้มาเป็นข้ออ้างเพื่อเรียกร้องความสงสารจากประชาชน

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ จึงอยากให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ควรนำเสียงจากประชาชนมาปรับปรุงนโยบายดังกล่าว ซึ่งถือว่า ยังมีเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการทำนโยบาย โดยยึดถือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้เป็นสำคัญ มากกว่าจะดันทุรังเพื่อให้คนไม่กี่คนได้ประโยชน์บนความทุกข์ของประชาชนและลูกหลานในอนาคตด้วย

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่า พรรคเพื่อไทยต้องการรักษาแนวทางประชานิยมที่ทำให้ตนเองได้คะแนนนิยมมาตลอดในการเลือกตั้ง และนโยบายนี้ถือเป็นการเทหมดหน้าตักของจริง โดยเห็นว่า น่าจะเป็นเที่ยวสุดท้าย เพราะก่อนหน้านี้ เรื่องนโยบายจำนำข้าว ก็มีการดำเนินการไปจนสุดซอย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาปรากฏว่า ประเทศติดหนี้โครงการดังกล่าวมหาศาล จนต้องมีการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังมาตลอดหลายปี และเชื่อว่ารัฐบาลนี้ก็จะต้องตั้งงบประมาณชดใช้โครงการที่พรรคเพื่อไทยเอง เป็นผู้ก่ออีกด้วย ซึ่งนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น

 

 

 

 

 

เกรงว่า หากดึงดันทำไปแล้ว จะส่งผลเสียต่อประเทศในระยะยาว เพราะไม่สามารถคาดเดาไว้ว่า อัตราเงินดิจิทัลจะมีอัตราแลกเปลี่ยนเท่าใดในช่วงเวลาที่ดำเนินโครงการ ซึ่งมีความเสี่ยงมาก เพราะฉะนั้น ถ้ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ต้องการอยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจของประชาชนจริงๆ ก็ต้องหานโยบายที่มีความเหมาะสม เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีความสบายใจ และเต็มใจที่จะช่วยเหลือและเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามที่ผู้วางนโยบายคาดหวังเอาไว้

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube