fbpx
Home
|
ข่าว

“เป็นธรรม” ย้ำจุดยืนหนุน “หมออ๋อง”-ปัดเป็นสาขา 2 ก้าวไกล

Featured Image
“เป็นธรรม” ย้ำจุดยืนหนุน “หมออ๋อง” ทำงานสภา “กัณวีร์” ย้ำตรงไปตรงมา ไม่บิดเบี้ยว ปัดเป็นสาขา 2 ให้ก้าวไกล ไม่มีระบบกล้วยเหมือนแต่ก่อน

 

 

ดร.ปิติพงษ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังการแถลงที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่1 ย้ายสังกัดไปอยู่กับพรรคเป็นธรรม ว่า ตนยืนยันว่าจุดยืนของพรรคเป็นธรรม จะสนับสนุนการทำงานของนายปดิพัทธ์ในการทำงานสภา ซึ่งตนได้ทราบว่ามีหลายเรื่องที่นายปดิพัทธ์อยากทำ จึงได้มีการเชื้อเชิญตนเข้ามาทำงานที่ปรึกษาก็จะมาทำงานที่สภามากขึ้น

 

 

ขณะเดียวกันทางด้านนายกัณวีร์ สิบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการทำงานร่วมกันกับ นายปดิพัทธ์ ในฐานะ สส.ใหม่ โดยระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มี นายปดิพัทธ์ มาร่วมพรรคเป็นธรรมของเรา การทำงานของเราชัดเจนและตรงไปตรงมา ไม่บิดเบี้ยว เราจะสร้างให้ทุกคนเห็นว่าต่อไปนี้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยจะสามารถปักหลักปักธงในประเทศไทยได้

 

 

เราจะได้เห็นนายปดิพัทธ์ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 จะไม่เห็นความขัดแย้งต่างๆ เพราะในตำแหน่งทั้งประธาน และรองประธานสภาฯ ต้องมีความโปร่งใส เป็นกลาง และเป็นธรรม การทำงานต่างๆ ต้องไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นสิ่งที่ทุกคนยืนยันจากการทำงานของนายปดิพัทธ์ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีอะไรมาขัดขวางการเดินหน้าระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยได้

 

 

“การทำงานจะเป็นรูปแบบพรรคร่วมฝ่ายค้านเชิงรุก ได้เห็นการตรวจสอบและถ่วงดุลการบริหารราชการแผ่นดิน จะไม่ค้านทุกอย่าง แต่จะทำให้ประสิทธิภาพในการบริหารแผ่นดินมีมากขึ้น เป็นความมุ่งหวังที่อยากเห็นต่อไป” นายกัณวีร์ กล่าว

 

 

กรณีที่ถูกมองมาโดยตลอดว่าพรรคเป็นธรรมเป็นพรรคสาขาของพรรคก้าวไกล นายกัณวีร์ ยืนยันว่า ตนเป็นคนนอก ที่ไม่มีส่วนได้เสียกับพรรคก้าวไกล เช่นการเดินหาเสียงช่วงเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลกับพรรคเป็นธรรมก็ต่อสู้กันในเชิงนโยบายมาก่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราชัดเจนว่าแม้เราร่วมอุดมการณ์กัน แต่ในการหาเสียง การทำงานทางการเมือง เรามีจุดยืนของพวกเรา เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจนว่าเราไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคก้าวไกล

 

 

นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่า เราทำงานเป็นตัวเลือกให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่ดีที่สุด ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นคำถามนี้จึงไม่ควรจะมีออกมาจากสังคม แต่น่าจะเป็นการทำงานของพรรคร่วมอุดมการณ์ในการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประชาชนควรมั่นใจและภูมิใจในการทำงานของเรา

 

 

ด้าน นายปิติพงศ์ ระบุเพิ่มเติมว่า เนื่องจาก นายปดิพัทธ์ ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ระหว่างดำรงตำแหน่งอยู่ จะไม่มีการจัดสรรตำแหน่งภายในพรรคเป็นธรรม ทั้งกรรมการบริหารพรรค หรือตำแหน่งอื่นๆ ให้ นายปดิพัทธ์ ซึ่ง นายปดิพัทธ์ ได้ปวารณาตัวสนับสนุนการทำงานทางการเมืองของพรรคในฐานะสมาชิกพรรคเท่านั้น

 

 

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการย้ายพรรคครั้งนี้ ไม่มีเรื่องอามิสสินจ้าง ไม่มีระบบกล้วยเหมือนแต่ก่อน เป็นการย้ายพรรคด้วยอุดมการณ์ พรรคเป็นธรรมไม่ได้ตกปลาในบ่อของพรรคก้าวไกล

 

 

“ดังนั้น คำถามที่ว่าจะเป็นสาขาพรรคหรือไม่ ขอยืนยันว่าเราไม่ได้เป็น เราอยู่หมู่บ้านประชาธิปไตยด้วยกัน มีบ้านคนละหลัง กินข้าวคนละชามด้วย ไม่ได้ชามเดียวกัน ชามผมอาจไม่อร่อยเหมือนพรรคก้าวไกล ก็ต้องว่ากันไป เราเป็นพรรคเกิดใหม่ แต่ก็คิดว่าไม่ถึงขนาดข้าวคลุกน้ำปลานะครับ” นายปิติพงศ์ กล่าว

 

 

ด้าน นายปดิพัทธ์ ยืนยันว่า ในรัฐธรรมนูญกำหนดให้รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ให้เป็นกลาง เป็นไปไม่ได้ที่เมื่ออยู่พรรคอื่นแล้วจะทำให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นในสภา แนวทางการทำงานทั้งหมด ทั้งเรื่องการบรรจุกฎหมาย การพิจารณา ร่างการเงิน การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จะอำนวยการให้ทุกพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียมกัน

 

 

“แม้สัดส่วนของพรรคเป็นธรรมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 คน ก็ไม่ได้ทำให้คุณกัณวีร์ได้อภิปรายเพิ่มขึ้น และผมจะไม่เข้าร่วมการประชุมพรรค หรืองานของวิปฝ่ายค้าน ผมจะทำงานร่วมกับประธานและรองประธานสภาฯ มากกว่า และอีกส่วนหนึ่งคือการทำงานเรื่อง ICT ร่วมกับรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นการทำงานลักษณะเดิมแม้ สังกัด สส. อยู่พรรคใดก็ตาม” นายปดิพัทธ์ กล่าว

 

 

 

นายปดิพัทธ์ ยอมรับว่า เวลานี้บรรยากาศดีขึ้น จากท่าทีของนายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล เพราะการจับจ้องทางการเมืองเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ และเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนย้ายเข้าพรรคเป็นธรรมแล้ว ฉะนั้น คิดว่าจะมีแรงเสียดทานเรื่อยๆ จากหลายเรื่อง เช่น การตรวจรับสภาฯ การจัดซื้อจัดจ้าง แรงเสียดทานจะไม่น้อยลง แต่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนแน่นอน

 

 

เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่สร้างเงื่อนไขให้จำเป็นต้องย้ายพรรค เพราะกำหนดไว้ว่าพรรคที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ต้องไม่มี สส. รับตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ควรมีการปรับแก้เงื่อนไขดังกล่าวหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ข้อเสนอเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ฉบับแรกของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กรธ. เคยมีการเสนอให้ประธานสภาฯ 3 ท่าน มี 1 เก้าอี้ที่มาจากฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นบทเรียนทางการเมืองทั้งสิ้น ว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 มีข้อดีข้อด้อยอย่างไร

 

 

“ต้องเป็นหน้าที่ของกรรมการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสังคม ที่จะพิจารณาเรื่องนี้ร่วมกันกับ สสร. ส่วนจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร คงจะตัดสินในตอนนี้ไม่ได้ ต้องใช้ระยะเวลาครบสมัย 4 ปี ในการพิสูจน์ว่า เรื่องนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไร” นายปดิพัทธ์ กล่าว

 

 

สำหรับการเลือกตั้งคราวหน้า นายปดิพัทธ์ จะยังลงเลือกตั้งในนามพรรคเป็นธรรมต่อไปหรือไม่ ยังไม่มีการตัดสินใจในระยะยาว ตอนนี้เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพราะตนเองต้องสังกัดพรรคให้ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งเห็นว่าพรรคเป็นธรรมจริงใจที่สุด เปิดรับที่สุด และมีแนวทางใกล้เคียงกันที่สุด ยังเหลือเวลาอีกหลายปี ต้องค่อยๆ พิจารณาไปก่อน เป็นเอกสิทธิ์ของพรรคเป็นธรรม และของผมด้วย

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube