Home
|
ข่าว

“ก้าวไกล-เป็นธรรม” จ่อยื่นสภาตั้งกมธ.ศึกษาแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย

Featured Image
“ก้าวไกล-เป็นธรรม” จ่อยื่นสภาตั้งกมธ.ศึกษาแก้ไขปัญหากรณีผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ จี้ ต้องแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้ได้

นายมานพ คีรีภูวดล สส.พรรคก้าวไกล และสส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม แถลงข่าวถึงการเสนอยื่นญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีผู้ลี้ภัยจากการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราว 9 แห่งในประเทศไทยและผู้หนีภัยจากการสู้รบแนวชายแดนไทยพม่า

 

 

 

โดยนายมานพ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ลี้ภัยและผู้หนีภัยการสู้รบในประเทศไทยมีทั้งหมด 70,000 -90,000 คน กระจายอยู่ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดแม่ฮ่องสอน , จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดราชบุรี บุคคลเหล่านี้ได้เข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2528 และไม่ได้คงอยู่ในสถานะที่ไม่ได้ถูกยอมรับว่าเป็นผู้ลี้ภัยอย่างเป็นทางการเพราะประเทศไทยไม่ได้ลงนามว่าด้วยเรื่องผู้ลี้ภัย สถานะของผู้ลี้ภัยจึงใช้คำว่าผู้พักพิงชั่วคราวเพราะฉะนั้นในระยะเวลาเกือบ 40 ปีที่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทย ชีวิตความเป็นมนุษย์ความเป็นคนในสถานะที่เป็นผู้ลี้ภัย อยู่อย่างยากลำบาก ซึ่ง ประเทศไทยต้องแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้ได้

 

 

ซึ่งในบทบาทสภาผู้แทนราษฎร จึงขอเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อที่จะแก้ไขเรื่องนี้ เพื่อที่จะสามารถดึงบุคคลภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องการกลับประเทศ เรื่องความมั่นคง และเรื่อง อื่นๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นคณะกรรมการวิสามัญได้ เพื่อพิจารณาว่าจะแก้ไขปัญหาคนเหล่านี้ในระดับภายในประเทศอย่างไร จะร่วมมือกับนานาประเทศได้อย่างไร และประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นปัญหาจะร่วมมือกันอย่างไร

 

 

 

ด้านนายกัณวีร์ กล่าวว่า ความจำเป็นที่ต้องมีกรรมาธิการ เพื่อใช้กรอบของกฎหมายในการแก้ไขปัญหาต่างๆ พร้อมอธิบายรายงานสถานการณ์โลกว่า เรื่องของการกลับประเทศต้นกำเนิดโดยสมัครใจเป็นเรื่องที่ดีที่สุด และแนวทางในการแก้ปัญหา โดยการตั้งถิ่นฐานในประเทศใหม่เป็นเรื่องยาก เพราะมีปริมาณคนกว่า 1 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ การผสมกลมกลืนในประเทศลี้ภัย ที่จะผสมกลมกลืนกันได้ดังนั้นกรรมาธิการจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญนักวิชาการและฝ่ายนิติบัญญัติในการจัดทำแนวทางแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยแบบยั่งยืน

 

 

โดยใช้ฝ่ายนิติบัญญัติเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญไม่ว่าจะเป็น นายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทยหรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เป็นกรรมการอยู่ในสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วย

 

 

ขณะเดียวกัน นายมานพ กล่าวเพิ่มเติมว่า จะประสานภาคประชาชนภาควิชาการที่มีประสบการณ์เรื่องนี้อย่างยาวนานและจะดำเนินการในลักษณะเป็นคณะทำงาน ดำเนินการทำงานคู่ขนานไปก่อน เพื่อความรวดเร็ว ทั้งนี้หากคณะรัฐมนตรีได้รับรองชัดเจนคณะทำงานจะเข้าไปพูดคุย กับผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยจะไม่รอว่าการตั้งกรรมาธิการจะสำเร็จเมื่อใด เพราะเห็นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ไม่ควรละเลยในประเด็นนี้และควรให้ความสำคัญ

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube