Home
|
ข่าว

ไทยย้ำชัด หาก 72 ชม.นี้ ยังไม่นิ่ง ใช้มาตรการเดิมปกป้องตนเอง

Featured Image

 

 

ไทยย้ำชัด ถ้า 72 ชม.นี้ ยังไม่นิ่ง ใช้มาตรการเดิมปกป้องตนเอง ยอมรับคนอาจไม่แฮปปี้ที่ต้องรอเวลา แต่ขอให้มั่นใจกองทัพเตรียมพร้อม 100% สแตนด์บายตลอดเวลา ไม่มีวันหยุดปีใหม่ ประชาชนที่ต้องการกลับเข้าบ้าน รอประเมิน

 

 

 

พล.อ.ท. ประภาส สอนใจดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ใน Joint Statement จะมีกลไกที่พยายามจะลดการยั่วยุ ซึ่งศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ จะประสานใกล้ชิดกับทางกัมพูชา ผ่านทางสถานทูตและผู้ช่วยทูตทหาร หากมีประเด็นใดที่ขยายผลความขัดแย้ง เราจะพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่แน่นอนว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย อาจมีมุมมองหลากหลาย

 

และเป็นความห่วงใย ดังนั้น ถ้าประเด็นใดที่กระทบต่อการสร้างสภาพแวดล้อมในขณะนี้ เราพยายามจะติดต่อและให้ข้อมูลข้อเท็จจริงมากที่สุด ในส่วนของกัมพูชาเช่นกัน ก็ได้ให้ผู้ช่วยทูตทหารขอข้อมูลบางอย่างที่ไม่ทำให้เกิดการขยายผลความขัดแย้งต่อ และจาก Joint Statement ครั้งนี้ ก็จะนำไปสู่เวทีของนานาชาติ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศ และผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการชี้แจงในองค์กรที่มีความรับผิดชอบระดับประเทศ ซึ่งประชาคม นานาชาติ
ก็จะเห็นข้อเท็จจริงเหล่านี้ต่อไป

 

 

เมื่อถามว่า มีความคาดหวังว่าการหยุดดินครั้งนี้อย่างไร พล.อ.อ. ประภาส กล่าวว่า อย่างที่บอกมี 3 ข้อ การหยุดยิงต้องจริงใจ ต่อเนื่อง ก็จะจะรอดู ถึงได้มีเพิ่มเติมว่าเมื่อหยุดยิงตอนเที่ยงแล้ว ยังบวกไปอีก 72 ชั่วโมง  ถ้า 72 ชั่วโมงนี้ ยังไม่นิ่ง ไม่มีอะไรต่างๆ เราก็ยังคงใช้มาตรการเดิม ที่เรามีศักยภาพที่จะต่อสู้ป้องกันตัวเองอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นว่าถ้ามีความจริงใจต่อกันตาม 3 ข้อนี้ ใน 72 ชั่วโมง แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเรามีกลไกในการพบปะพูดคุยทั้ง AOT
และ ฮอตไลน์ระหว่างรัฐมนตรีกลาโหม และผู้บัญชาการ ทหารสูงสุดก็จะพยายามเจรจาพูดคุยกัน

 

”พร้อมกันนี้ อยากจะสื่อสารไปยังประชาคมโลกว่า ประเทศไทยไม่ได้เริ่มต้นความขัดแย้ง หรือยิงก่อน ถ้าต้องการดูหลักฐาน ประเทศไทยมีหลักฐานยืนยัน ทั้งหมดเป็นไปมาตรฐานสากล ตามกฏหมายระหว่างประเทศ นี่คือความเป็นทหารอาชีพ และเป็นประเทศที่มีอารยธรรม และพร้อมที่จะแสดงให้นานาชาติเห็นว่า เรามีความจริงใจ ไม่ต้องการขยายความขัดแย้ง“พล.อ.อ.ประภาส กล่าว

 

เมื่อถามว่า มั่นใจอย่างไรว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นรูปธรรม  พล.อ.อ.ประภาส กล่าวว่า หลัง 72 ชั่วโมง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องคุยกัน แต่หลัง 72 ชั่วโมงนั้น ถ้าดำเนินการได้อย่างถูกต้องตาม Joint Statement เราก็จะคืนทหาร 18 นายแต่ถ้าหลังจากนั้นถ้าเกิดขึ้นอีก ก็เป็นความชอบธรรมของประเทศไทยที่จะป้องกันตัวเองตามมาตรา 51 ทุกรูปแบบที่มากระทบ ตราบใดที่คนไทยได้รับผลกระทบ หรือได้รับความเสียหาย เราจะดำเนินการ ส่วนการเดินทางกลับของคนไทย ก็น่าจะเป็นการ

 

ประสานงานตามมาหลังจากนี้ ทั้งนี้ ประเทศไทยแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งทั้งสองประเทศ ไม่ได้ทำให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งคนไทยและคนเขมร
ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน มันเกิดจากการตัดสินใจในระดับผู้บริหาร ก็หวังว่าฝั่งกัมพูชาจะผ่อนคลายให้พี่น้องคนไทย ที่ประสงค์กลับประเทศพร้อมยืนยันว่า ทุกประเทศในทั่วโลกมีบทบาททั้งหมด เราแคร์ความรู้สึกและบทบาทของประชาคมโลก ไม่ว่าประเทศใดให้ข้อคิด ข้อเสนอแนะ เรารับทั้งหมด เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น จนนำมาสู่การทำ Joint Statemant

 

และทำให้ประเทศไทยมีหนทางปฏิบัติต่อไป ในทิศทางที่เป็นสันติภาพ ลดความขัดแย้งมุ่ง ไปที่มนุษยธรรม ปกป้องชีวิตพลเรือนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่เมื่อถามว่า Joint Stateman วันนี้ กับข้อตกลงที่กัวลาลัมเปอร์ ไม่ได้ต่างกัน เรากำลังวนกลับที่เดิม ครั้งก่อนสายด่วนทำอะไรได้บ้าง แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าครั้งนี้จะไม่ถูกฉีกทิ้ง พล.อ.อ.ประภาส กล่าวว่า มันมีหลายประเด็นใน Joint Stateman ครั้งนี้ เราพยายามลดระดับ แต่ถ้าไม่จริงใจแล้วฉีกอีก กองทัพไทยก็ปฏิบัติตามนั้นอย่างเข้มข้น ไม่ต้องกังวลมัน มีกลไกอยู่แล้ว เรามีบทเรียนครั้งที่แล้ว เรามีมาตรการรองรับชัดเจน

 

 

“วันนี้ถือเป็นอีกเวทีหนึ่ง ถ้าเป็นเวทีต่างประเทศเขาไม่สามารถรองรับ ไม่ดำเนินการให้เรียบร้อย เวทีของการสื่อสารก็จะพยายามควบคุม และเวทีสนามรบของกองทัพไทยก็ยังปกป้องประชาชนอยู่ ถ้าไม่จริงใจรับรองว่า ทุกอย่างจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง”พล.อ.อ. ประภาส กล่าว

 

 

พล.อ.อ.ประภาส ยังย้ำว่า การประชุมมีการคุยกันคู่ขนานทั้งหมด จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าในช่วง 72 ชั่วโมง มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างก็หยุด แล้วก็จะไป self defese แต่ถ้าไม่มีอะไรก็ดำเนินการต่อเนื่อง ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะพื้นที่จำนวนมาก พร้อมขอคนไทยให้เข้าใจและมั่นใจในกองทัพไทย ว่าเราจำเป็นต้องมีกระบวนการตรงนี้เพื่อความชอบธรรมในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งเราเป็นอารยประเทศ

 

ก็ต้องดำเนินตามมาตรการนี้ การยืนบนเวทีโลกเราต้องเคารพกฎกติกา แม้เราสู้กับคนที่ไม่เคารพกฎกติกา แต่ถ้าเราสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับเวทีโลกได้ ประเทศไทยไม่ได้สู้ด้วยดรามา การยั่วยุ แต่เราสู้ด้วยความจริง ซึ่งมันอาจต้องใช้เวลา คนอาจไม่แฮปปี้ แต่ขอให้มั่นใจว่าไม่ว่าการทูตคู่ขนานจะไปอย่างไร แต่กองทัพเตรียมพร้อม 100% พวกเราบอกแล้วไม่มีวันหยุดปีใหม่ สแตนด์บายตลอดเวลา

 

 

เมื่อถามว่า ประชาชนที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิง จะมั่นใจได้อย่างไรว่าการหยุดยิงมันจะเกิดขึ้น พล.อ.อ.ประภาส กล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับเรื่องมนุษยธรรม เรามีแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ทั้งของมหาดไทย สาธารณสุข แลพเกษตร เราจะดูแลทุกอย่าง ประเทศไทยให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง แม้ต้องรักษาประเทศด้วยชีวิต และรัฐบาลก็มีการมีมาตรการเยียวยาต่างๆ ความขัดแย้งเกิดขึ้นแค่แนวชายแดน ประมาณ 700 ถึง 800 กิโลเมตรเท่านั้น ประเทศไทยยังคงต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะที่เชียงใหม่ ภูเก็ต ทุกอย่างยังปกติ

 

ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาประเทศไทยได้อย่างมีความสุขขอให้มั่นใจในความปลอดภัย แค่อย่าเข้าพื้นที่เสี่ยง และเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ ส่วนประชาชนที่ต้องการกลับบ้านนั้น อยู่ที่การประเมินของหน่วยทหารในพื้นที่ ถ้าจุดใดปลอดภัย ดูแล้วสามารถเข้าพื้นที่ได้ ไม่มีภัยคุกคาม หรือมีความเสี่ยง ก็จะดำเนินการตั้งแต่ในห้วง นี้ซึ่งตอนนี้บางส่วนก็เริ่มทยอยกลับแล้ว ยืนยันว่าทหารจะยังดูแลพิทักษ์พื้นที่อย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

 

 

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube