เหยื่อร้องกองปราบฯ ถูกหลอกให้ไปทำงาน ถูกคุมตัวข้ามเขมร
“จ่าคิงส์” พาเหยื่อร้องกองปราบฯ ถูกหลอกไปทำงานจันทบุรี ก่อนถูกคุมตัวข้ามไปเขมร ยึดมือถือ-บังคับสแกนหน้าทำบัญชีม้า เงินหมุนเวียนหลักล้าน
วันนี้ ( 26 ธ.ค.68 ) ด้านหน้าแดนเนรมิตเก่า ถนนพหลโยธิน จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พา “น้องเอ” เจ้าของร้านเสริมสวยใน อ.จักราช จ.นครราชสีมา และกลุ่มผู้เสียหายรวม 4 ราย เข้าแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปราม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูกขบวนการมิจฉาชีพหลอกลวงผ่านเพจหางานในเฟซบุ๊ก
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า แอดมินเพจระบุให้ไปทำงานที่ จ.จันทบุรี โดยมีการส่งรถมารับถึงที่หมาย ก่อนจะถูกพาไปรวมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจันทบุรี จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. มีรถตู้มารับอ้างว่าไปส่งที่บริษัท แต่กลับถูกยึดโทรศัพท์และบัตรประชาชนทันทีที่ขึ้นรถ
กลุ่มผู้เสียหายเล่าอีกว่า รถได้ขับลึกเข้าไปในป่าสวนลำไย ท่ามกลางชายชุดคล้ายทหารถืออาวุธปืนคุมตัวเข้ม ทำให้ไม่มีใครกล้าขัดขืน ก่อนจะถูกบังคับให้นั่งห่วงยางข้ามน้ำไปยังฝั่งกัมพูชา และเดินทาง ต่อไปยังเมืองปอยเปต เมื่อไปถึงพบว่าถูกกักตัวไว้ในห้องที่มีคอมพิวเตอร์จำนวนมาก และมีคนไทยที่ถูกหลอกมาก่อนหน้านี้นับ 20 คน
ตลอด 3 วันที่ถูกกักขัง เหยื่อทุกคนถูกบังคับให้ปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ และเปลี่ยนรหัส Mobile Banking เป็นรหัสเดียวกันคือ“146379” เพื่อใช้ทำธุรกรรมผิดกฎหมาย หากมีการโอนเงินยอดใหญ่ เหยื่อจะถูกเรียกไปสแกนใบหน้าทันที โดยคนร้ายอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ติดต่อญาติได้เพียงวันละ 10 นาที ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด ห้ามบอกความจริงว่าถูกจับตัวอยู่
หลังจากผ่านไป 3 วัน กลุ่มคนร้ายได้ปล่อยตัวเหยื่อกลับมายังฝั่งไทยทางช่องทางธรรมชาติ เมื่อตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่ามีเงินหมุนเวียนผิดปกติหลายแสนจนถึงหลักล้านบาท และข้อมูลการติดต่อ กับคนร้ายถูกลบออกทั้งหมด
น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สาวประเภทสองชาวโคราช เล่าเหตุการณ์ระทึกว่า ตนทำงานร้านเสริมสวยแต่รายได้ไม่พอ จึงหลงเชื่อเพจรับสมัครงานในเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีรถมารับไปที่ จ.จันทบุรี ก่อนจะถูกกลุ่มชายแต่งกายคล้ายทหาร กักขังไว้ในตึกที่ปอยเปตนาน 3 วัน
และถูกยึดบัญชีไป 2 บัญชี เมื่อกลับถึงบ้านพบว่าถูกตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี อายัดบัญชีทั้งหมด โดยตรวจสอบพบว่า บัญชีที่ 1 มีเงินหมุนเวียนกว่า 100,000 บาท บัญชีที่ 2 มีเงินหมุนเวียนสูงถึง 1,000,000 บาท
จ่าคิงส์ กล่าวว่า ผู้เสียหายกลุ่มนี้กังวลว่าจะถูกดำเนินคดีในข้อหาเปิดบัญชีม้าและฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากบางรายเริ่มมีหมายเรียกหรือถูกอายัดบัญชีแล้ว จึงพามาพบตำรวจกองปราบฯ เพื่อนำหลักฐานภาพถ่ายและคำให้การมายืนยันว่า “ถูกบังคับด้วยอาวุธ” ไม่ได้มีเจตนาขายบัญชีให้มิจฉาชีพแต่อย่างใด
ทางด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด เพื่อประสานไปยังท้องที่ที่มีการอายัดบัญชีและสืบหาตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





