ไทยแจง ไม่ได้ลบหลู่ รื้อถอดรูปปั้นเทพเจ้า!
อินเดียโกรธหนัก ตำหนิไทย หลังจากที่ ไทยสามารถยึดคืนพื้นที่ช่องอาม้าได้สำเร็จ และได้มีการทุบ รื้อถอนสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ รวมถึงรูปปั้นเทพเจ้าฮินดูที่ทำให้ชาวอินเดียไม่พอใจอย่างมาก
จากสถานการณ์ปะทะ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ตึงเครียดมาอย่างหนักหน่วง เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารไทย สามารถยึดคืนพื้นที่ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ข้างบ่อนคาสิโน สำเร็จลุล่วงซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทหารช่าง เข้าทำการ รื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ๆ รวมทั้งรูปปั้น เทพฮินดู ที่ชาวอินเดียหลายคนนับถือฝ่ายไทยเรา มองว่า คล้ายเป็นสัญลักษณ์ที่ทหารกัมพูชาสร้างขึ้นใหม่ เพื่อใช้กล่าวอ้างสิทธิเหนือดินแดนไทยอย่างผิดกฎหมาย
โดยต่อมา กระทรวงการต่างประเทศอินเดียออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ต่อกรณีที่กองทัพไทยดำเนินการรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าฮินดูดังกล่าว โดยระบุว่า เป็นการกระทำที่ขาดความเคารพ ต่อมรดกทางอารยธรรมและจิตใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ได้โพสต์แถลงการณ์ ระบุว่า รูปปั้นดังกล่าวคือ “พระวิษณุ” ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดที่ชาวฮินดูเคารพบูชา ย้ำว่า เทพเจ้าฮินดูและพุทธถือเป็นมรดกทางอารยธรรมร่วมกันของภูมิภาคนี้ การทำลายรูปปั้นแม้จะอยู่ในบริบทของข้อพิพาทดินแดน ถือเป็นการทำร้ายความรู้สึกของผู้ศรัทธาทั่วโลกและเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง
ซึ่งในเรื่องนี้ทำให้ชาวไทยหลายคน ต่างเข้าไปแสดงความเห็นต่อโพสต์ดังกล่าวจำนวนมาก อาทิเช่น
“ในความเชื่อฮินดู การตั้งรูปเคารพไม่ได้ดูแค่ว่าเป็นเทพองค์ใด แต่ต้องดูว่า ตั้งถูกที่ ถูกทาง หรือไม่ ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของพื้นที่ และมีพิธีประดิษฐานอย่างถูกต้อง ถ้านำรูปเทพไปตั้งในที่ดินของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาต ต่อให้เป็นเทพ ก็ถือว่า ขาดธรรมะ เป็นอธรรม ความเป็นมงคลก็ไม่เกิด เพราะตั้งอยู่บนความไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น”
หรืออีกท่าน ที่กล่าวว่า “ก่อนจะให้ความสำคัญกับรูปปั้นหรือเทพเจ้า ควรดูด้วยไหมว่ามันอยู่เขตแดนใคร เรามีสิทธิ์รื้อถอนหรือไม่ แล้วมันอยู่ข้างคาสิโน เป็นเรื่องดีหรือไม่ การรื้อถอนสิ่งของออกจากเขตพื้นที่ไม่ได้แปลว่าเราจะขาดการเคารพ ก่อนจะโพสต์ติเตียนประเทศใดทำความเข้าใจและหาข้อมูลให้รอบคอบกว่านี้” เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด วันนี้ 25 ธันวาคม 68 เพจ กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force โพสต์ชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ขอชี้แจงว่า
การดำเนินการดังกล่าวมิได้มีเจตนาเกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อ หรือการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ แต่เป็นการดำเนินการด้านการบริหารจัดการพื้นที่และความมั่นคง ภายหลังจากฝ่ายไทยสามารถกลับเข้าควบคุมพื้นที่ซึ่งอยู่ในเขตที่ประเทศไทยยืนยันสิทธิอธิปไตย
สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นโครงสร้างที่ถูกติดตั้งขึ้นภายหลัง และไม่ได้เป็นศาสนสถานที่ ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ การดำเนินการจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันการควบคุมพื้นที่ ลดความเสี่ยงของความเข้าใจคลาดเคลื่อน และป้องกันไม่ให้เกิดการใช้สัญลักษณ์ ที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดเพิ่มเติม
ประเทศไทยให้ความเคารพต่อทุกศาสนาและทุกความเชื่ออย่างเท่าเทียม รวมถึงศาสนาฮินดู ซึ่งมีความผูกพันทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกับประเทศในภูมิภาคมาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งตระหนักถึงความรู้สึกของประชาชนและผู้ที่นับถือศาสนาทั่วโลก และขอแสดงความเสียใจ หากเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความไม่สบายใจอันเนื่องมาจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ฉะนั้น สำหรับประเด็นนี้ เป็นการดำเนินการด้านการบริหารจัดการพื้นที่ไทยไม่มีเจตนาเกี่ยวข้องกับศาสนาหรือความเชื่อใด ๆ ทั้งสิ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





