ปชน. ปักธงรบ ลต. ตั้งเป้ากวาด กทม. 33 เขต ดัน 250 เป็นรัฐบาล
พรรคประชาชน ชักธงรบเลือกตั้ง ตั้งเป้ากวาด กทม. 33 เขต ดัน 250 ที่นั่งตั้งรัฐบาลประชาชน เลขาฯ มั่นใจกระแสกลับ แม้โพลลด เชื่อใกล้เลือกตั้ง “เท้ง” คะแนนพุ่ง
พรรคประชาชนจัดเวทีภายใต้แคมเปญ “ชักธงรบ เตรียมความพร้อม” ประกาศเป้าหมายชัยชนะการเลือกตั้งอย่างชัดเจน โดยตั้งเป้าคว้าชัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครครบทั้ง 33 เขต พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่ 250 ที่นั่งทั่วประเทศ เพื่อจัดตั้ง “รัฐบาลประชาชน” แม้ยอมรับว่ากระแสความนิยมจากผลโพลบางสำนักลดลง แต่ย้ำว่ายังเชื่อมั่นในพลังประชาชน และมั่นใจว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง คะแนนนิยมจะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง
บรรยากาศกิจกรรมเป็นไปอย่างคึกคัก พรรคประชาชนเปิดพื้นที่พบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนมุมมองทางการเมืองกับประชาชน พร้อมกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในบรรยากาศเป็นกันเอง โดยมีนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต สส.บางขุนเทียน และว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.ฝั่งธนบุรี ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประชาชนในพื้นที่
นายศรายุทธิ์กล่าวว่า นับตั้งแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ เป้าหมายหลักคือการสร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และเชื่อมั่นว่าคนที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคมีอุดมการณ์เดียวกัน แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี พรรคต้องเผชิญอุปสรรคและแรงเสียดทาน แต่วันนี้พรรคประชาชนเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น ยอมรับว่าหลายคนกังวลต่อผลโพลที่คะแนนนิยมลดลง แต่สำหรับผู้ที่ทำงานกับพรรคมาอย่างยาวนาน ยังมั่นใจว่าพรรคจะไปได้ไกลกว่าเดิมและแข็งแรงกว่าเดิม
เลขาธิการพรรคประชาชนระบุว่า ตัวเลขต่าง ๆ สะท้อนความเป็นไปได้อย่างชัดเจน ทั้งจำนวนสมาชิกพรรคที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% เงินบริจาครวมกว่า 96 ล้านบาท จากผู้บริจาคหลักแสนคน และคะแนนนิยมที่ขยับจากระดับ 10% เป็น 20-30% ล้วนเป็นพลังสำคัญที่ทำให้เป้าหมาย 250 ที่นั่งไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน พร้อมย้ำว่าชัยชนะจะเกิดขึ้นไม่ได้จากแกนนำเพียงไม่กี่คน แต่ต้องอาศัยพลังของประชาชนทุกคน
นายศรายุทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาสแกมเมอร์และทุนสีเทาที่กำลังบ่อนทำลายคุณภาพชีวิตของคนไทย ว่าเป็นผลจากโครงสร้างอำนาจที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน ทำให้เกิดระบบเส้นสายและการคอร์รัปชัน การเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นโอกาสในรอบกว่า 15 ปีที่ประชาชนจะได้กำหนดอนาคตประเทศอย่างแท้จริง พร้อมขออย่ากังวลกับตัวเลขโพล เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือความตื่นตัวของประชาชน หากประชาชนลุกขึ้นมามีส่วนร่วม พรรคมั่นใจว่าจะได้คะแนนมากกว่าเดิมแน่นอน
ด้านนายณัฐชา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งก่อน พรรคประสบความสำเร็จจนได้เป็นอันดับหนึ่งและมี สส. 151 ที่นั่ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ครั้งนี้จึงตั้งเป้าใหม่คือการจัดตั้งรัฐบาลประชาชนให้สำเร็จ พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาเป็น “หัวคะแนนธรรมชาติ” อีกครั้ง เพราะการเลือกตั้งคือการลงทุนที่น้อยที่สุดแต่เปลี่ยนแปลงอนาคตประเทศได้มากที่สุด
สำหรับกระแสความนิยมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายศรายุทธิ์ย้ำว่ายังมั่นใจว่าพรรคประชาชนจะรักษาอันดับหนึ่งไว้ได้ โดยอ้างอิงข้อมูลความนิยม กระบวนการคัดสรรผู้สมัคร และการทำงานอย่างต่อเนื่องของทั้งผู้สมัครหน้าใหม่และอดีต สส. ซึ่งเชื่อว่ายังได้รับการยอมรับจากประชาชน และมีโอกาสกวาดทั้ง 33 เขตตามเป้าหมาย
ส่วนกรณีที่ผลโพลชี้ว่าคะแนนนิยมลดลงจากปัจจัยทางการเมืองหลายประเด็น รวมถึงการไม่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแม่เหล็กดึงคะแนน นายศรายุทธิ์มองว่าคะแนนที่ลดลงส่วนใหญ่ไปอยู่ในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งหมายความว่ายังมีโอกาสในช่วงเวลารณรงค์อีกประมาณ 50 วันที่เหลืออยู่ พร้อมเปรียบเทียบว่ากระแสความนิยมของนายพิธาเองก็เกิดขึ้นในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง และเชื่อว่านายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ “เท้ง” หัวหน้าพรรคประชาชน จะมีโอกาสเจิดจรัสไม่ต่างกันเมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม นายศรายุทธิ์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงจุดยืนเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยระบุว่า หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงประเด็นนี้ในช่วงการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางกฎหมาย
เลขาธิการพรรคประชาชน ย้ำทิ้งท้ายว่า พรรคยึดหลัก “พรรคมากกว่าตัวบุคคล” มาโดยตลอด ตั้งแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ การสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของร่วมกัน คือหัวใจสำคัญ และเชื่อว่าความแข็งแกร่งของพรรคประชาชนจะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ หากประชาชนออกมาใช้สิทธิและร่วมกันกำหนดอนาคตประเทศอย่างแท้จริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





