“บอย ปกรณ์” เผยทนมานาน ขอทวงหนี้ออกสื่อ
“บอย ปกรณ์” เผยทนมานาน ขอทวงหนี้ออกสื่อ ถ้าผิดชำระจะดำเนินทางกฏหมาย เปิดใจเรื่องวันใหม่ เฮียๆ จะคอยซัปพอร์ต
งานนี้ทำเอาวงการบันเทิงสั่นคลอนเมื่อคนดังได้โพสต์ทวงหนี้กันรัว ๆ หนึ่งในนั้นคือหนุ่ม “บอย ปกรณ์” ที่ตัดสินใจโพสต์สตอรี่ถึงคู่กรณี แต่ยังไม่เปิดเผยว่สคือใคร ล่าสุดได้เจอ “บอย” ที่งานกาล่าดินเนอร์และประกาศรางวัล “A NIGHT OF APPRECIATION GALA 2025” ณ Ballroom 2 โรงแรม The Ritz-Carlton Bangkok จึงได้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า
“ตลอดในชีวิตก็มีคนที่ติดเงินเรื่อยๆ แต่ไม่เคยอยากที่จะออกมาพูดผ่านสื่อ ไม่ได้อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ มีคนที่ติดเงินอยู่หลายเจ้า แต่เลือกที่จะเงียบมาตลอด รู้สึกว่าไม่จำเป็นไม่อยากใช้วิธีออกมาทวงผ่านสื่อ เพราะว่าพอทวงผ่านสื่อเดี๋ยวคนก็จะตีความออกไปหลายๆ อย่าง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตีความกันยังไงบ้าง


แต่ว่าในเคสนี้รู้สึกว่ามันเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างเยอะแล้วก็ผ่านกระบวนการการติดตามกันมานาน ก็มีการรับปากแล้วก็ผลัดแล้วก็ตามตัวยากแล้วก็ตามตัวได้วนอยู่อย่างนี้มานานหลายเดือน จนตามด้วยตัวเองไม่ได้ผลก็เริ่มติดต่อทนายให้ทนายตามก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเลย รู้สึกว่าสุดท้ายอาจจะต้องพึ่งสื่อมั้งในการที่จะช่วยตามให้ทุกอย่างมันจบตามที่คุยกันไว้
หนี้ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการทำธุรกิจลงทุน ยอดมันอยู่ที่ประมาณ 13-14 ล้านบาท การลงทุนเวลาเราลงทุนทำอะไร จบงานมันก็จะมีการปันคืน เวลาปันคืนมันก็ต้องปันทุนกลับมาแล้วก็กำไรหรือขาดทุน จะกำไรขาดทุนก็เอามาหักกับเงินต้น ตรงที่ลงๆ ไปมันควรจะต้องกลับมาเมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว
ตอนที่ลงทุนก็ในช่วงระแวก 2 ปีนี้ ที่เขาตามตัวยากก็ใช่แต่ก็ไม่ใช่ว่าตามตัวไม่ได้เลย สุดท้ายก็ติดต่อกันได้ แต่ว่ามันเหมือนพอรับปากว่าจะทำยังงั้นอย่างนี้ว่าจะชำระแบบนั้นแบบนี้พอถึงเวลา พอถึงวัน มันเหมือนกับโดนผลัดไปเรื่อยๆ
การลงทุนมันมีทั้งขาดทุนและกำไร แต่ตรงนี้มันเป็นเรื่องเงินที่ลงทุนไปแล้วผมต้องได้คืนมาแต่มันไม่ได้คืน ใช้คำว่าเงินต้นกับเงินปันผล ทวงมาหลายเดือน คนเคยทำธุรกิจด้วยกัน ตนก็ไม่ใช่คนใจร้ายไส้ระกำ ถ้าเกิดมันเลยกำหนดตนสามารถใช้วิธีกฎหมายได้ แต่ก็ปล่อยให้มันล่วงเลยมาด้วยการที่เขาบอกว่าเขาลำบาก จนรู้สึกว่าหลายเดือนแล้วก็ยังมีการผลัดไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าต้องเริ่มใช้วิธีทางทนาย อาจจะต้องเข้าทางกฎหมายที่เขาทำหนังสือตกลงกัน แต่สุดท้ายแล้วอย่างที่เห็นก็ยังมีการผลัดไปเรื่อยๆ อีก ก็เลยรู้สึกว่าคงต้องพึ่งสื่อแล้วทุกอย่างมันมีขีดจำกัดของมัน


ตนโพสต์เมื่อวันศุกร์ตอนกลางคืน เพราะว่าความจริงแล้ววันศุกร์มีนัดเพื่อเซ็นเอกสารกับเขา แต่ไม่ได้เซ็นก็ วันศุกร์ก็เลยโพสต์ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว เมื่อวานก็ได้คุยกันจนก็เหมือนว่าจะโอเค แต่สุดท้ายที่ตนพิมพ์อีกทีเมื่อคืนเพราะว่าพอมีข้อตกลงเข้าไปในไลน์ เพื่อให้ต้องการเป็นหลักฐานว่าคุยกันแล้ว รบกวนช่วยรับทราบให้หน่อย เขาก็ไม่รับทราบให้ รอครึ่งชั่วโมง ก็พิมพ์ไปอีกครั้งหนึ่งเขาก็ไม่ตอบเลยรู้สึกว่าถ้าตามในนี้ไม่ได้ก็ขอตามในสตอรี่
ตอนแรกเขาขอบอกผ่อนชำในระยะเวลาที่ก็นานพอสมควร การลงทุนครั้งนี้ก็เป็นตนกับคุณหน่อง ธนา แต่ว่าคุณหน่องไม่ค่อยเสียหายอะไร เพราะว่าเงินลงทุนทั้งหมดเป็นเงินของตนเอง ตนทำกับหน่องกำไรแบ่งคนละครึ่ง ถ้าขาดทุนก็ขาดทุนคนละครึ่ง แต่ตนเป็นคนออกเงิน ถ้าเกิดไม่ได้เงินคืนคือตนโดนเอง
คู่กรณีไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นักแสดง แต่เขาก็ทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิง หมายถึงทำงานในส่วนของเบื้องหลัง
ตอนนี้อย่างล่าสุดตนคุยกับเขาเมื่อคืนว่าสิ่งที่เขายื่นข้อเสนอมาว่าจะชำระ ที่มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ตลอด เวลา มันได้ข้อตกลงไฟนอลแล้ว เมื่อคืนจะทำการนัดเจอเขาวันพฤหัสบดีนี้กับทนายเพื่อให้ทำหนังสือเซ็นว่าเขาจะยินยอมชำระอย่างนี้ๆ จนถึงเมื่อไหร่ ก็หวังว่ามันจะไม่มีการผลัด หรือว่ามีอะไรมากกว่านี้แล้ว
อย่างที่บอกทุกอย่างตนอะลุ่มอล่วยให้เขา หยวนๆ ให้เขา ขยายเวลาให้เขานู่นนี่ ผมขยับให้เขามาเรื่อยๆ แต่ผมว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างมันมีขีดจำกัด ถ้ามันถึงจุดหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถที่จะขยับให้เขาได้แล้วก็คงต้องไปถึงกระบวนการทางกฎหมาย


ก็ไม่อยากจะมาอวยตัวเองว่าตัวเองใจดี แต่คือตนเป็นอย่างนี้มาตลอด เงินก้อนนี้ตนยังไม่ได้เงินวนกลับมาในช่วงระยะเวลาที่มันควรจะกลับมา ก็เสียหายกับธุรกิจอื่นไปแล้ว ผมก็ไม่ได้ว่าใจดีหรอก แต่อะไรที่พอจะยืดหยุ่นได้ อะไรพอจะช่วยได้ก็เต็มที่ แต่ว่าทุกอย่างมันมีขีดจำกัด
ก็หวังว่าจะได้เงินกลับมาคืน คือก็เอาความจริงก็ไม่อยากที่จะต้องไปถึงกระบวนการทางศาลด้วยแต่ถ้ามันจะไปจริงๆ ก็คงต้องไป
แต่ว่าก็ค่อนข้างที่จะกล้าพูดว่าตนให้เวลาเขาในการผ่อนชำระเป็นระยะเวลาพอสมควร ที่ผ่านมามีคนที่ต้องเป็นหนี้ในหลักล้านก็มี ตนก็ไม่อยากพูดเพราะว่าเขาก็ยังสามารถทำให้ติดต่อได้ แล้วเขาก็ดูมีความพยายาม ซึ่งก็ทยอยมาทีละนิดทีละหน่อย แต่ก็ไม่อยากพูด อย่างที่บอกถ้าไม่จำเป็นก็ไม่รู้จะพูดเรื่องพวกนี้ทำไม
ตนเป็นคนย้ำคิดย้ำทำอยู่แล้ว ผมโคตรระมัดระวังเลย โดยเฉพาะเรื่องของการใช้เงิน โคตรคิดถี่ถ้วนไตร่ตรองให้ดี หาคอนเน็กชั่น เกือบๆ จะเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสในเรื่องพวกนี้ ต้องระมัดระวังตัวมากที่สุด อล้วสำหรับเคส 13 -14 ล้าน ก็มั่นใจว่าในตอนแรกมันไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้ เพราะว่าเขาก็ดูมีความน่าเชื่อถือมาก แต่สุดท้ายมันก็เกิด ตนว่าอะไรมันก็เกิดขึ้นได้อ่ะเนาะ เขาถึงบอกว่าทุกการลงทุนมันมีความเสี่ยง
เรื่องเปิดเผยตนว่ามันก็เป็นเรื่องของทางกฎหมายด้วย ถ้าเกิดว่าพูดออกไปว่ามันเป็นธุรกิจอะไร คิดว่าคนก็คงจะต้องรู้ แต่ทีนี้ตนก็บอกเขาไปว่าถ้าเซ็นข้อตกลงแล้วขอให้มันตรงตามเวลาแล้วก็ตรงตามข้อกำหนด เพราะว่าถ้าเกิดว่ามันมาถึงจุดที่ว่าถ้าคุณผิดชำระแม้แต่งวดเดียวตนก็ขออนุญาตส่งไปถึงตามกฎหมายถึงศาล เพราะว่ายื่นคำขาดกับเขาไปหลายครั้งแล้ว แต่คำขาดของตนมันคงไม่ศักดิ์สิทธิ์มั้ง หรือเห็นว่าใจดีเขาก็เลยพยายามที่จะผลัดมาเรื่อยๆ แต่อย่างที่บอกตอนนี้ มันมาถึงจุดที่ตนจะต้องทำทุกอย่างให้มันเด็ดขาดจริงๆ แล้ว”


และเรื่องก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ “วันใหม่” ที่ลงไปดูเหมือนตลกแต่ความจริงเหมือนอกหัก เพราะปกติอยู่กับเขาตลอด วันใหม่เริ่มโตขึ้น เมื่อก่อนชวนไปกินข้าวไปเดี๋ยวนี้เริ่มมีบางทีที่ชวนเขาก็อยากอยู่บ้าน อันนี้เข้าใจ อยากให้เขาโตตามวัยตามสังคม
ล่าสุดตนนัดกับเฟย์ว่าจะไปดูการ์ตูนจะชวนวันใหม่ ก็โทรหาแต่วันใหม่บอกว่ามีนัดดูหนังกับเพื่อน ตนเลยพูดตามปกติ เขาบอก it’s friend day ตนก็ขำๆ รู้อยู่แล้วว่าวันนึงต้องมาถึง ก็เข้าใจ อันนั้นคือดอกที่หนึ่ง วันต่อมาเห็นเลยชวนไป วันใหม่บอกว่าไม่ได้ มีนัดไปกับเพื่อน it’s girl day!
มีคุยกับสามพี่น้องเรื่อย ๆ ทุกคนรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง การดูวันใหม่ ตนเลี้ยงน้องในแบบฉบับบ้านเราที่แม่ปลูกฝังมา แต่ก็ปรับให้เข้ายุคสมัยด้วย วันที่it’s girl day! ที่ว่าคือไปซื้อเสื้อผ้าแล้วส่งบิลมาให้จ่าย อะไรก็ตามที่เหมาะสมตามวัย พวกเฮียก็สบาย ๆ วันนัดไม่ได้มีฟิกตายตัว แต่ก็จะไม่ให้ห่างหายออกไป ต้งมีการกินข้าวระหว่างกันต้องมีกิจกรรมครอบครัว”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





