Home
|
อาชญากรรม

ผู้เสียหาย ร้องสอบโครงการอสังหาฯ พันล้าน หวั่นถูกฉ้อโกง

Featured Image
“อี้ แทนคุณ” พาผู้เสียหาย ร้องสอบโครงการอสังหาฯ พัทยา–กรุงเทพฯ หวั่นถูกฉ้อโกง พบผู้เสียหาย กว่า 1000 ราย สูญเงิน พันล้านบาท

 

วันนี้ (18 พ.ย 68) เวลา 10.00 น. ที่บริเวณ ริมฟุตบาทแดนเนรมิต ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระประธานชมรมสันติประชาธรรม และ นาย เก่ง สุเชษฐ์ ผู้ช่วย พาผู้เสียหาย 50 คน นำเอกสารหลักฐาน ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานคร เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนินการโครงการ ดังกล่าวว่ามีเจตนาทุจริตฉ้อโกง หรือ เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่

 

นายแทนคุณ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตัวเองพาตัวแทนผู้เสียหาย ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ กว่า 50 คน เข้าติดตามความคืบหน้าและแจ้งความเพิ่มเติมหลังก่อนหน้านี้เคยพาผู้เสียหายบางส่วน
มาลงบันทึกประจำวันไว้ โดยสิ่งที่อยากให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงคือเจตนาของ โครงการว่าเข้าข่ายกระทำความผิดฉ้อโกงหรือไม่เพราะพบพฤติกรรม ที่อาจเป็นการชักชวนให้ผู้เสียหาย ลงทุนในลักษณะโครงการ อสังหาริมทรัพย์ที่อาจจะไม่มีอยู่จริง

 

ซึ่งพบว่าโครงการนี้เริ่มธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2566 และปัจจุบันยังคงเปิดให้มีผู้เข้ามาลงทุน รวมถึงซื้ออสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แต่กลับพบว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุน หรือตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อหวังจะเข้าอยู่จริงกลับไม่ได้สินค้าตามที่โครงการกล่าวอ้างไว้ เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายภาพรวมกว่า 1,000 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท

 

และยืนยัน ว่าไม่ได้จะมาใส่ร้าย ทางบริษัท แค่อยากออกมาเตือน ผู้เสียหาย ให้ระมัดระวัง ในการทำสัญญา ต่างๆ ซึ่งคิดว่า คงไม่ได้เกิดแค่บริษัทนี้ คงจะมีบริษัทอื่นๆด้วย จึงอยากจะเป็นอุทาหรณ์ ให้กับหลายๆคน เพราะผู้เสียหายไม่ได้มีแค่คนไทยแต่ยังมี ต่างชาติด้วย บางคนต้องการที่อยากจะได้บ้านมาเป็นที่อยู่อาศัย สร้างครอบครัว แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ กับไม่มีบ้านอยู่ ซ้ำยังต้องมาสูญเงิน และยังต้องมาเร่ร่อนอีก

 

ผู้เสียหาย ร้องสอบโครงการอสังหาฯ พันล้าน หวั่นถูกฉ้อโกง

 

นาง ภา อายุ 44 ปี เปิดเผยว่า เริ่มต้น ตน รู้จัก บริษัทนี้บน ออนไลน์ บริษัทจะใช้วิธีการโปรโมทประชาสัมพันธ์ที่ ให้ผู้คนรู้จักโครงการ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อแล้วเกินจริง พอเราสนใจ ก็จะมีเซลล์ติดต่อมา และพูด โน้มน้าว จนน่าเชื่อถือ ตนลงทุน กับโครงการนี้ ที่สาขาพัทยา เป็นลักษณะในการร่วมลงทุนโดยที่เจ้าตัวโครงการเองจะเป็นผู้หาผู้มาร่วมลงทุน ซึ่งเรามีกำหนดสัญญาแน่นอน ว่าลงทุนไปในสัดส่วนกี่บาท

 

และ สัญญา ในการได้รับผลตอบแทนอย่างไร และเหมือนทางบริษัท มาให้ความหวัง กับคนที่ทุนทรัพย์ น้อย หลอกให้ลงทุน ว่าจะได้ผลกำไร แต่สุดท้ายบริษัทนี้ ก็มาทำลายความหวัง และ ทำให้ครอบครัว เกิดปัญหา บางคนถึงขั้นไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน และ เป็นหนี้บัตรเครดิตกันเยอะเลย สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย ได้แต่ภาระหนี้สินกลับคืนมา

 

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยมีผู้เสียหายบางส่วนพยายามเข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจท้องที่ แต่เจ้าหน้าที่บ่ายเบี่ยงเนื่องจากมองว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ทำให้ต้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงเจตนา การก่อตั้งโครงการว่าเข้าข่ายเป็นความผิดฉ้อโกงหรือไม่เพื่อดำเนินคดีทางอาญา

 

โดยโครงการดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ ประกอบธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์หลายรูปแบบทั้งคอนโดมิเนียมและบ้าน ที่ผ่านมา แม้ผู้เสียหายจะพยายามตรวจสอบข้อมูลการรีวิวก็พบว่าเป็นไปได้ยาก แต่เท่าที่ตัวเองสืบหาข้อมูล ก็พบว่า ผู้ประกอบการอยู่ระหว่างถูกพิทักษ์ทรัพย์ ผู้รับเหมาโครงการต่าง ๆ ทยอยถอนตัว เพราะขาดสภาพคล่อง

 

จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบเจตนาการทำธุรกิจว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เพราะผู้ประกอบการรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าโครงการจะไม่เกิดขึ้น และขณะนี้ก็พบคดีความมากกว่า 3 คดี ส่วนตัวจึงอยากเตือนผู้เสียหาย ที่มีความประสงค์จะลงทุนในลักษณะนี้หรือลงทุนร่วมกับโครงการนี้ ตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสียหายเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากปัจจุบันเจ้าของโครงการยังคงประกาศหาผู้เข้าร่วมลงทุน และซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube