ทองหลุด 50,000 ขึ้นต่อแรงมาก
ราคาทองโลก แตะ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองในประเทศก็ยังยืนเหนือ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ราคาทองที่ปรับขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ มีชนวนเหตุมาจากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง สำหรับราคาทอง ที่ล่าสุด ราคาทองโลก หรือ Gold Spot แตะ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองในประเทศก็ยังยืนเหนือ 50,000 บาทต่อบาททองคำ แม้ว่าในบางช่วง บางจังหวะราคาอาจจะมีหลุด 50,000 บาทไปเล็กน้อย แต่ก็เด้งขึ้นในเวลาต่อมา ล่าสุด ราคาทอง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 51,050 บาท ขายออก 51,150 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 50,134 บาท 12 สต. ขายออก 51,950 บาท
ทั้งนี้ ราคาทองที่ปรับขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ มีชนวนเหตุมาจากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หลังจากล่าสุดศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้ชะลอการบังคับใช้คำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศที่ก่อนหน้านี้ได้สั่งให้ยกเลิกภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ ของ ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ผลก็คือ ทำให้ภาษีนำเข้าดังกล่าวกลับมามีผลบังคับใช้ชั่วคราวอีกครั้งในระหว่างรอการพิจารณาอุทธรณ์
นอกจากนี้ กรอบเวลาการเจรจาการค้าที่ 90 วัน ของสหรัฐฯนั้น ก็ยังคงเป็นประเด็นที่ส่งผลให้ราคาทองมีความอ่อนไหวและผันผวนสุดขีด โดยนายกสมาคมค้าทองคำ “นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี” กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ในประเด็นนี้ว่า ช่วงนี้ราคาทองจะมีความผันผวนค่อนข้างมาก เพราะอยู่ในช่วงเวลาของการเจรจาการค้า พร้อมย้ำถึงข้อสังเกตุที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ ส่งผลต่อราคาทองคำปรับขึ้นลงเป็นอย่างมาก
“ปัจจัยช่วงนี้ คิดว่า ระหว่างทรัมป์ที่เขาให้ 90 วัน เจรจาเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ผมคิดว่าช่วงนี้ อาจจะมีการเคลื่อนไหว อาจจะมีความผันผวนหน่อย เพราะว่าทรัมป์ ไม่รู้มีส่วนเกี่ยวกับพวกเก็งกำไร พวกตลาดเฮดจ์ฟันด์ในตลาดล่วงหน้าหรือเปล่า พูดทีนึงก็ทำให้ราคาทองสวิงเยอะๆ ฉะนั้นมองว่า ภายใน 90 วัน ถ้าไม่ยุติสงครามการค้า ยังผันผวนอยู่”
นายจิตติ กล่าวอีกว่า สำหรับราคาทองโลกช่วงนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 3,275 – 3,325 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ถ้าย่อตัวลงมา ก็มีโอกาสที่ราคาทองในประเทศจะต่ำกว่า 50,000 บาทต่อบาททองคำได้ แต่ไม่นานก็ปรับขึ้น
“ก็คิดว่าตอนนี้มองว่า ระยะสั้นอาจจะ 3,275 – 3,325 ดอลลาร์/ออนซ์ อาจจะวิ่งอยู่ช่วงนี้ ถ้าทะลุไปก็อาจจะขยับขึ้นไป แต่ถ้าลงมานิดหน่อย มีโอกาสจะต่ำกว่า 50,000 บาทอีกครั้งนึงแต่คิดว่าคงอาจจะเดี๋ยวเดียว คงไม่เยอะ เพราะฉะนั้นมองว่านักลงทุนระยะสั้น อาจจะต้องระมัดระวังนิดหน่อยคอยติดตามข่าวสาร แต่ถ้าลงทุนระยะยาวมองว่า ระยะยาวยังมองขาขึ้นอยู่”
ด้าน “ฮั่วเซ่งเฮง” ระบุในบทวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ราคาทองคำ โดยเนื้อหาตอนหนึ่ง ชี้ว่า สหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจและการคลังอีกครั้ง เมื่อความเสี่ยงGovernment Shutdown ปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆ หลังรัฐบาลยังไม่สามารถจัดทำงบประมาณปี 2569ได้ทันกรอบเวลา ซึ่งถูกกำหนดไว้ในวันที่ 30 กันยายน 2568
ขณะเดียวกันหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งแตะ 36 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่การขาดดุลงบประมาณยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนแม้ว่ารายได้จากภาษีจะเพิ่มขึ้น แต่รายจ่ายกลับมีแนวโน้มเร่งตัวสูงขึ้น สะท้อนถึงภาวะการคลังที่เริ่มควบคุมไม่ได้
ดังนั้นในช่วงที่ความไม่แน่นอนพุ่งสูง ทั้งจากการเมือง หนี้สาธารณะ และเสถียรภาพของรัฐบาลทองคำจึงกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งเหมือนอดีตที่ผ่านมา เช่น ช่วง Shutdown ในปี 2018-2019ราคาทองคำปรับขึ้นกว่า 7% ภายใน 3 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง
ล่าสุดราคาทองคำโลกยังเคลื่อนไหวในระดับสูงกว่า 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักวิเคราะห์จากหลายสำนัก มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งยังคงคาดการณ์ราคาทองคำโลกไว้ที่ระดับ 3,675-3,700 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ดังนั้น โดยสรุป ฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่า ปัจจุบัน เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงต้านจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นหนี้สาธารณะที่สูงเกินควบคุม พันธบัตรที่เริ่มถูกเมิน และงบประมาณใหม่ที่ยังไม่ลงตัวความเสี่ยง Government Shutdown อาจเป็นตัวเร่งให้ตลาดโลกเข้าสู่โหมด Risk-Off ในครึ่งหลังของปีนี้ ดังนั้น ทองคำจึงอาจกลายเป็น “สินทรัพย์ดาวเด่น” อีกครั้งในช่วงที่ความเชื่อมั่น ต่อเศรษฐกิจและการเมืองสหรัฐฯ เริ่มสั่นคลอนอย่างมีนัยสำคัญ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





