Home
|
ข่าว

5 ปีโศกนาฏกรรมซ้ำรอย ตอกย้ำการคอรัปชั่น?

 

กว่า 1 เดือนกับเหตุการณ์ ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวจนมีผู้บาดเจ็บ สูญหาย และเสียชีวิต จำนวนมาก สร้างข้อสงสัยของสังคมว่า ท่ามกลางตึกระฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมากมายในกรุงเทพมหานคร ทำไมมีเพียงตึกสตง.เท่านั้นที่ถล่มลงมาราบเป็นหน้ากลอง สั่นสะเทือนถึงความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของเจ้าหน้าที่รัฐว่าอาจมีเรื่องของการทุจริตหรือไม่ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาครัฐถูกตั้งคำถาม ว่าเหตุใดจึงไม่ถอดบทเรียนจากโศกนาฎกรรมที่เคยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

เมื่อย้อนตรวจสอบถึงโครงการก่อสร้างของทางภาครัฐ ที่เกิดปัญหาระหว่างการก่อสร้าง เกิดอุบัติเหตุแบบไม่คาดคิด วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 คานสะพานกลับรถบนถ.พระราม 2 หน้าโรงพยาบาลวิภาราม จ.สมุทรสาครหล่นทับรถยนต์ที่กำลังสัญจร มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

 

วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ตัวยึดคานสะพานเสียหลักกระแทก และดึงเครนสะพาน จนทางยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบังถล่ม มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

 

ต่อมาในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 คานปูน และเครนบริเวณทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้วถล่ม จากการขันน็อตยึดระหว่างคานคอนกรีตกับเฟรมเหล็กไม่แน่น จนมีผู้เสียชีวิต 6 ราย

 

วันที่ 15 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ถนนเส้นเดิมยังไม่ได้รับการปรับปรุง แต่ยิ่งทวีความสูญเสียเมื่อโครงสร้างสะพานระหว่างก่อสร้างของ ถ.พระราม 2 บริเวณด่านทางด่วนดาวคะนองถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย

 

ล่าสุดวันที่ 29 เมษายน ก้อนปูนจากสะพานต่างระดับเข้าเมืองมหาชัย บน ถ.พระราม2 หล่นใส่กระจกหน้ารถยนต์ กระแทกหน้าท้องคนขับได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จนได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนสายมรณะเหตุการณ์นี้เกิดในเวลาใกล้เคียงกันกับตึกสตง.ถล่ม

 

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากออกมาวิเคราะห์ ว่าการเกิดแผ่นดินไหวอาจไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงแต่เป็นเพียงตัวเร่งปฏิกิริยา โดย ศาสตราจารย์ ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโครงสร้างออกมาตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่ทำให้ตึกถล่มนั้นเกิดจากการแก้แบบปล่องลิฟท์ เพื่อเพิ่มสถาปัตยกรรมตกแต่งให้หรูหราและไม่ได้มีการออกแบบเสริมเหล็กมากพอ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวอาคารบิดตัว ปูนจึงเกิดการร้าวและยุ่ย จนถล่มลงมาในที่สุด ด้วยเหตุนี้คนจึงเพ่งเล็งไปที่บริษัทไมนฮาร์ท บริษัทออกแบบอาคารสตง. ออกมายอมรับว่ามีการแก้ไขขนาดกำแพงปล่องลิฟต์จริง เนื่องจากจะมีการตกแต่งผนังลิฟต์ด้วยหินแกรนิตจึงลดความหนาของผนัง และเสริมเหล็กให้มากขึ้น เพื่อให้ทางเดินเป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่55 ตามพรบ.ควบคุมอาคาร

 

ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความโปร่งใสของโครงการจำนวนมากรวมถึงนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่ออกมาเปิดหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตโครงการก่อสร้าง พร้อมพาอดีตข้าราชการสตง. พยานปากสำคัญ ซึ่งอ้างว่ารู้เห็นในการทุจริตคัดเลือกบริษัทผู้ออกแบบ, ผู้ก่อสร้าง และผู้ควบคุมงาน เพื่อเอื้อประโยชน์กัน หนำซ้ำ 1 ในคตง.มีส่วนร่วมในการทุจริตครั้งนี้ด้วย

 

ด้านดีเอสไอ หน่วยงานซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชน ณ ขณะนี้ ได้ออกมาแถลงความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้องกับตึกสตง.ถล่ม ว่า คดีในฐานความผิดว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือนอมินี สามารถจับกุมผู้ต้องหา 5 หมายจับ ได้แก่ นิติบุคคลคือบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์10, นายชวนหลิง จาง กรรมการบริหารสัญชาติจีน, และคนไทยอีก 3 ราย โดยดีเอสไอจะเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อขยายผลในคดีฐานความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือฮั้วประมูลโดยกลางเดือนพฤษภาคมนี้ จะเรียก 6 บริษัทร่วมประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-bidding เข้ามาให้การกับพนักงานสอบสวน ขณะที่คดีความผิดเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอยู่ระหว่างรอสมอ.เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนคดีฐานความผิดว่าด้วยการใช้ใบกำกับภาษีปลอมพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบเอกสารใบกำกับภาษี และเรื่องการนำเข้า-ครอบครองฝุ่นแดง ดีเอสไอได้ร่วมกับกรมโรงงานตั้งคณะพนักงานสืบสวนแล้ว

 

จากโศกนาฏกรรมตึกถล่มครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย ให้ทั้งผู้รับผิดชอบหรือเจ้าของโครงการ และรัฐบาล ‘ถอดบทเรียน’ เพื่อหาสาเหตุนำไปสู่การ ‘เอาผิด’ อย่างจริงจังกับผู้กระทำความผิด ไม่ยอมให้อำนาจเงินเหนือกว่าความปลอดภัยของประชาชน

 


ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube