‘ไทยศรีวิไลย์’ เดินหน้าปกป้องแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย
‘ไทยศรีวิไลย์’ เดินหน้าปกป้องแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ก.ยุติธรรม ‘มงคลกิตติ์’ เผย บริษัทจัดหางานจำนวนหนึ่ง ร่วมมือกับ คนระดับบิ๊กใน ก.แรงงาน แอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนอกระบบ เพิ่มเติมกว่า 5-7 แสนราย คิดหัวละ 4,500 บาท ชี้เป็นผลเสียต่อความมั่นคงและ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ในหน้าที่โดยมิชอบ
ที่กระทรวงยุติธรรม นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีต หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวภคอร จันทรคณา อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีต รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นหนังสือถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการแอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีที่มานอกเหนือจาก มติ ครม. เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม 2566 หรือแรงงานเถื่อนกว่า 5-7 แสนราย
โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า เนื่องด้วย พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้รับการร้องเรียน จากข้าราชการประจำผู้รักความถูกต้อง บริษัทจัดหางาน ว่ามีการแอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนอกระบบ ตามมติ ครม. เห็นชอบ เมื่อ 5 กรกฏาคม ที่ผ่านมา โดย มี 3 ประเด็น คือ ผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ที่นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการฯ ต่อกรมการจัดหางาน (กกจ.) แล้ว ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 1,000,000 คน
โดยต้องดำเนินการตามแนวทางที่มติ ครม.กำหนด เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ต่อมา ผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่เข้ามาทำงานตามเอ็มโอยู ซึ่งวาระการจ้างงานครบ 4 ปี (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 – วันที่ 31 ธันวาคม 2566)
อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราว ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 โดยระหว่างผ่อนผันให้นายจ้างขออนุญาตนำแรงงานข้ามชาติที่ได้รับการผ่อนผัน เข้ามาทำงานตามเอ็มโอยู และให้แรงงานเดินทางกลับประเทศต้นทางและเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยในโอกาสแรกโดยไม่ต้องมีระยะเวลาพัก 30 วัน และลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ครั้งละ 2,000 บาท เหลือ 500 บาท และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป จากครั้งละ 1,900 บาท เหลือครั้งละ 500 บาท ทั้งสำหรับแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานตามเอ็มโอยู และแรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมา หลัง 31 กรกฏาคม 2566 กรมการจัดหางานได้ปิดระบบลงทะเบียนผ่อนผันแรงงานต่างด้าว ที่นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการฯ ต่อกรมการจัดหางาน (กกจ.) แล้ว ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 1,000,000 คน โดยต้องดำเนินการตามแนวทางที่มติ ครม.กำหนด
เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 แต่ขณะนี้ ปรากฏว่า มีบริษัทจัดหางานจำนวนหนึ่ง ประมาณ 5% ร่วมมือกับ คนใกล้ชิดบ้านใหญ่(Y) คนสนิทรัฐมนตรี(P) ข้าราชการประจำระดับสูง(P) ของกระทรวงแรงงาน แอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนอกระบบ(เถื่อน) เพิ่มเติมกว่า 5-7 แสนราย คิดหัวละ 4,500 บาท
เก็บจากโรงงานต่างๆที่รับแรงงานต่างด้าวเข้าทำงาน วงเงินทุจริตฟอกเงินร่วม 3,000 ล้านบาท ผ่านบริษัทจัดหางาน กว่า 15 แห่ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นผลเสียต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ในหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นภัยอย่างร้างแรงอีกทั้งยังเป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน ดังนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์
จึงเรียนมายัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบการแอบขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม(นอกระบบ หรือ เถื่อน) นอก มติ ครม.5 กรกฏาคม 2566 กว่า 5-7 แสนราย พร้อมดำเนินการยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะมีความผิดมูลฐานว่าด้วยการค้ามนุษย์และฟอกเงินต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





