fbpx
Home
|
เศรษฐกิจ

เปิดแนวคิด Pacy Media ในการทำ Search Marketing ทั้ง SEO และ Google Ads ให้เวิร์ค

Featured Image

ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับ Search Engine อย่าง Google เป็นอย่างดี และชินกับการใช้งาน แต่รู้หรือไม่ว่า Search Engine นั้นทรงพลังต่อการตลาดออนไลน์มากแค่ไหน จากข้อมูลของ wearesocial ปี 2022 พบว่า 67.6% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูล และแน่นอนว่าเว็บไซต์อันดับ 1 ของประเทศไทยที่มีคนเข้าใช้งานมากที่สุดก็คือ Google ซึ่งเป็นสาเหตุให้การทำ Search Marketing อย่าง SEO และ Google Ads ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้งบริการรับทำ SEO และโฆษณา Google ก็ถือเป็นบริการหลักของ Pacy Media ที่ได้ให้บริการมาอย่างยาวนาน

วันนี้เราได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการทำ SEO กับบริษัท Pacy Media ที่เป็นเอเจนซี่การตลาดออนไลน์ และถือเป็นอีกหนึ่งบริษัท SEO Agency ในกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจและมีการให้บริการรับทำ SEO มานานพอสมควร ซึ่งได้ข้อมูลที่น่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของธุรกิจที่กำลังสนใจการทำ Search Marketing

ก่อนอื่นขอสอบถามก่อนครับว่าการทำการตลาดบน Search Engine คืออะไร

เมื่อเราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอะไรก็จะนึกถึง Google อันดับแรก จากนั้นก็จะเข้าไปค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาเว็บไซต์ ภาพ หรือคลิป ที่สามารถให้ข้อมูลที่ตัวเองต้องการ ลองนึกภาพดูว่าหากลูกค้ากำลังค้นหาเกี่ยวกับการติดตั้งม่านปรับแสง​โดยค้นหาว่า “ม่านปรับแสงมีกี่แบบ” จากนั้นเว็บไซต์ของคุณขึ้นแสดงผลบนหน้าแรก โอกาสในการที่ลูกค้าจะคลิกเข้าเว็บไซต์ก็มีมากขึ้น และหากคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของคุณช่วยตอบคำถาม “ม่านปรับแสงมีกี่แบบ” ได้อย่างชัดเจนอย่างผู้ที่เชี่ยวชาญ โอกาสในการที่ลูกค้าจะติดต่อเข้ามาสอบถาม หรือสั่งซื้อก็เพิ่มขึ้นไปด้วย

การทำ Search Marketing ด้วย SEO และ Google Ads

ซึ่งการทำการตลาดบน Search Engine ก็คือวิธีการที่ทำให้เว็บไซต์ไปขึ้นแสดงบนหน้า Google เวลามีคนค้นหาไม่ว่าจะเป็นแบบ SEO หรือ Google Ads

รูปแบบการทำการตลาดบน Google มีอะไรบ้าง

การทำ Search Engine Marketing บน Google จะมี 2 รูปแบบ คือ
1. แบบโฆษณาในระบบ Google Ads ซึ่ง Traffic ที่เข้าเว็บไซต์จาก Google Ads เรียกว่า Paid Traffic หรือ Traffic ที่เสียเงินให้ Google​ โดย Google จะคิดเงินเมื่อมีการคลิกเกิดขึ้น เราจะเรียกการโฆษณาแบบนี้ว่า PPC หรือ Pay Per Click ซึ่งผู้ลงโฆษณาต้องกำหนดงบโฆษณาให้​ Google ทราบ เช่น 500 บาทต่อวัน ระบบก็จะพยามใช้งบโฆษณาให้อยู่ในช่วงนี้ในแต่ละวัน ซึ่งถ้างบโฆษณาหมด โฆษณาก็จะหยุดแสดง
2. แบบ Organic จากการทำ SEO ซึ่งจะเป็นการพัฒนาและปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ รวมถึงคอนเทนต์บนเว็บไซต์ให้ถูกใจ​ Google เพื่อให้ Google นำไปแสดงผลบนหน้าแรก การทำ SEO จะช่วยให้เราประหยัดเงินค่าโฆษณา เพราะ Traffic ที่เข้าเว็บไซต์จากการทำ SEO เรียกว่า Organic Traffic ซึ่งเป็น Traffic ที่ไม่เสียเงินค่าโฆษณาเหมือน PPC และจะไม่ถูกจำกัดจำนวนคลิกเข้าเว็บไซต์ด้วยงบโฆษณาเหมือน Google Ads

แนะนำผู้ประกอบการทำ SEO หรือ Google Ads ดีครับ

ต้องบอกว่าจุดประสงค์ของการทำ SEO และ Google Ads นั้นต่างกันครับ ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่าทำ Google Ads ไปเพื่ออะไร และทำ SEO ไปเพื่ออะไร และต้องรู้ว่าเป้าหมายของธุรกิจคืออะไร จึงจะสามารถเริ่มเห็นภาพว่าควรทำ SEO หรือ Google Ads

การทำ Search Marketing ด้วย SEO และ Google Ads

การทำ Google Ads คือการลงโฆษณา ซึ่งเว็บไซต์จะสามารถขึ้นบนหน้า Google ได้ทันที ใช้เวลาอนุมัติไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง โดยสามารถเลือก Keyword ได้ตามต้องการ และสามารถปรับเพิ่มหรือลดได้ และยังเพิ่มหรือลดงบโฆษณาได้เช่นกัน แต่หากงบโฆษณาหมดโฆษณาก็จะหยุดแสดงทันที เรียกได้ว่าการทำ Google Ads นั้นจะคล่องตัวกว่า และสามารถวัดผลลัพธ์ของ Traffic ที่เข้ามาในเว็บไซต์ได้เลยทันที แต่ก็ต้องวางงบโฆษณาในแต่ละเดือนไว้เลย

ในขณะที่การทำ SEO จะดำเนินการในลักษณะการปรับแต่งเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์มีคุณภาพ มีคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ ซึ่งในส่วนนี้ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่พอมีความรู้ด้าน SEO ก็สามารถปรับเองได้ หรือหากต้องการทีมที่เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยก็สามารถใช้บริการรับทำ SEO ได้เช่นกัน โดยสิ่งที่ต้องปรับนั้นประกอบไปด้วยหลายส่วน เช่น
– โครงสร้างเว็บไซต์
– การจัดวางเนื้อหา
– การออกแบบดีไซน์หน้าเว็บไซต์ หรือ UX/UI
– การจัดวาง Keyword
– ความเร็วในการโหลดข้อมูล
– ความปลอดภัยของผู้ใช้
– ความสอดคล้องของเนื้อหา
– ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา

การทำ Search Marketing ด้วย SEO และ Google Ads

ซึ่งการทำ SEO จะต้องค่อยๆ ปรับอย่างต่อเนื่อง และขึ้นอยู่กับต้นทุนของแต่ละเว็บไซต์ว่ามีการวางโครงสร้างมาอย่างไรบ้าง โดย Google จะใช้กว่า 200 ปัจจัยในการพิจารณาคุณภาพของเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่ง Google Algorithm ก็จะมีการปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ ทาง Pacy Media ก็จะช่วยดูให้ว่าเว็บไซต์นั้นๆ ควรใช้กลยุทธ์ไหนในการดำเนินการปรับแต่งทั้งตัวเว็บไซต์และเนื้อหา เพื่อให้ส่งผลดีต่อ SEO ในระยะยาว

โดยการทำ SEO จะเป็นกลยุทธ์ของการทำ Search Marketing แบบระยะยาว เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะต้องใช้เวลาในการปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง และต้องมีการวัดผลการตอบสนองอยู่เป็นประจำ ซึ่งบริการรับทำ SEO จะมีเฉพาะค่าใช้จ่ายในส่วนของการบริการ ไม่มีค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าโฆษณา ทำให้มีโอกาสช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่าในระยะยาว

แล้วหลังจากที่เราได้เริ่มทำ Google Ads หรือ SEO ไปแล้ว จะสามารถวัดผลได้ไหมครับ

การวัดผลสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นการทำ Google Ads หรือ SEO ครับ โดยจากที่ทาง Pacy Media ได้ให้บริการมา เราจะติดตั้งระบบวัดผลบนเว็บไซต์ของลูกค้า เพื่อดูการตอบสนองบนเว็บไซต์จาก Traffic ที่เข้ามา ไม่ว่าจะมาจาก SEO หรือ Google Ads ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อเข้ามา การเพิ่ม Lead การดาวน์โหลด การสั่งซื้อสินค้า หรือการมีส่วนร่วมกับเนื้อหาบนเว็บไซต์ เราก็สามารถวัดผลและแยกได้ว่าผลลัพธ์นั้นมาจาก Google Ads เท่าไหร่ และมาจากการทำ SEO เท่าไหร่

มีแนวทางในการเลือกใช้ Keyword สำหรับ SEO และ Google Ads อย่างไรบ้างครับ

Keyword เรียกว่าเป็นหัวใจสำคัญของทั้งการทำ SEO และ Google Ads เลยก็ว่าได้ โดยทางเราจะแนะนำให้เลือกจาก Keyword ที่ตรงกับธุรกิจและมีโอกาสดึง Potential Customers เข้ามาได้ก่อน หรือเราเรียกว่า Low-hanging Fruit Tactic โดยยังไม่ต้องให้ความสำคัญกับจำนวนการค้นหาขนาดนั้น

หลายครั้งที่เราเจอเคสลูกค้าที่เคยทำโฆษณา Google Ads ด้วยตัวเองโดยใช้ Keyword แบบกว้างๆ มีการค้นหาเยอะ แต่ไม่ตรงกันสินค้า เช่น สินค้าของลูกค้าคือม่านปรับแสดงซึ่งไม่ได้จำหน่ายม่านชนิดอื่น โดยลูกค้าใช้ Keyword คำว่า “ม่าน” นั่นหมายความว่าหากมีคนค้นหาว่า “ม่าน” หรือ “ม่านจีบ” โฆษณาก็จะแสดง ซึ่งทุกๆ ครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาลูกค้าก็จะเสียเงินค่าโฆษณา โดยบางคนเสียเป็นหลายหมื่นต่อเดือน โดยหลังจากที่ทาง Pacy Media เข้ามาช่วยดูก็สามารถลดงบโฆษณาลงได้กว่า 50% และยังสามารถช่วยวัดผลลัพธ์บนหน้าเว็บไซต์ได้ด้วยเช่นกัน

การทำ Search Marketing ด้วย SEO และ Google Ads

เราจึงมองว่าหัวใจของการเลือก Keyword ในการทำ SEO และ Google Ads คือความสอดคล้องกับธุรกิจ สินค้า และบริการ โดยถึงแม้ Keyword นั้นจะมีจำนวนการค้นหาจะน้อย แต่มีความเฉพาะเจาะจงสูง (เราเรียกว่า Long Tail Keyword) ก็ยังน่าสนใจที่จะใช้ และมีโอกาสที่จะปิดการขายได้มากกว่า

สุดท้ายแล้วทาง Pacy Media อยากฝากอะไรกับผู้ประกอบการที่สนใจจะเริ่มบ้างครับ

จริงๆ มีหลายเรื่องเลยครับ แต่ด้วยเวลาในวันนี้ทางเราขอฝากเรื่องจุดประสงค์ในการทำ Search Marketing ครับ เพราะหลายครั้งที่มีคนถามเข้ามาว่าทำ SEO หรือ Google Ads ดีกว่า ซึ่งตามจริงแล้วการทำควบคู่กันไปจะตอบโจทย์การตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาวมากที่สุด เนื่องจาก SEO และ Google Ads มีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน และสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจในรูปแบบที่ต่างกัน ซึ่งการเลือกหยิบกลยุทธ์ด้าน Google Ads มาผสมผสานคู่กับการทำ SEO ที่เหมาะสมต่อธุรกิจนั้นๆ ก็จะช่วยสนับสนุนการตลาดได้ครบกว่า

ทั้งนี้ แต่ละธุรกิจก็จะมีความแตกต่างกันออกไป บางธุรกิจอาจต้องแบ่งสัดส่วนในการทำ SEO มากกว่า Google Ads เช่น 80%-20% ในขณะที่บางธุรกิจเหมาะกับการแบ่งงบประมาณไปลง Google Ads มากกว่า รายละเอียดเชิงลึกตรงนี้ก็ต้องลองพิจารณาแยกกันไปในแต่ละแบรนด์ครับ

เป็นไงบ้างครับ ข้อมูลที่ได้พูดคุยกับทาง Pacy Media ในวันนี้ดูแล้วน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่กำลังสนใจในการทำ Search Marketing อยู่พอสมควร และน่าจะเริ่มเห็นภาพว่าธุรกิจของตนเองเหมาะกับการทำ SEO และ Google Ads หรือไม่ หากใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Search Marketing หรือการตลาดด้านอื่นๆ ก็สามารถลองเข้าไปคุยและปรึกษากับทาง Pacy Media ได้ที่ Line: @pacymedia ได้เลยครับ

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube