SCBS คาดโอไมครอนฉุดจีดีพี Q1 คงเป้าปีนี้โต 3.6%
บล.ไทยพาณิชย์ คาด SET Index ปี 65 อยู่ในกรอบ 1,550-1,750 จุด ขณะ โอไมครอน กระทบจีดีพีไตรมาส 1 มองทั้งปียังคงไว้ 3.6%
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron มีความเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 1/65 โดยคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2565 ไว้ 3 สมมติฐาน 5 คำทำนาย ประกอบด้วยสมมติฐาน 1) COVID-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นอันเป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง 2) อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัว 60-90% และ 3) ปัญหาคอขวดด้านอุปทานจะเริ่มคลี่คลายลง ส่วน 5 คำทำนายหลัก SCBS ได้แก่
1) กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกปี 2565 จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น
2) เงินเฟ้อโลกจะลดลงในครึ่งหลังปี 2565
3) นโยบายการเงินโลกจะตึงตัวขึ้นเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยกเว้น จีน ที่ยังคงมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อสร้างสมดุลเศรษฐกิจ
4) สงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
5) ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา 5 ปัจจัย ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ความเสี่ยง Global Stagflation ความผันผวนด้านภูมิอากาศโลก และ การระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ที่อาจรุนแรงกว่าสายพันธุ์ Delta อย่างไรก็ตาม การระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron มีโอกาสกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ให้ลดลงจากระดับที่ IMF เคยคาดการณ์ไว้ที่ 4.9% เหลือเพียง 3.6% หากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ภายในไตรมาสที่ 1
แต่ในปี 2564 ที่ผ่านมานั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้โลกจะเกิดวิกฤติ COVID-19 แต่ความผันผวนของตลาดหุ้นกลับลดลง จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ SET Index ฟื้นตัวกลับไประดับก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19 แล้ว ทั้งที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงถือว่ารุนแรง ทั้งนี้เป็นเพราะรัฐบาลทั่วโลกเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินอย่างรุนแรงและรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ อัตราเงินเฟ้อสูงมาก จึงทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเสี่ยงนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น
ล่าสุด ประเมินระดับ SET Index ปี 2565 ไว้ที่ 1660 จุด และ คาดว่าจะมีกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1550-1750 จุด ซึ่ง 10 หุ้นเด่น ที่คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตเด่น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF รวมถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG
แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% เพราะเชื่อว่าโควิด-19 จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยเพียงช่วงไตรมาสที่ 1 และสามารถจัดการได้หลังจากนั้น การส่งออกปี 2565 จะเติบโต 2% และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% ในปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนจาก GDP ประเมินผลตอบแทนของ SET Index ได้ที่ 5% ภายในสิ้นปี 2565 และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล
สรุปประเด็นการลงทุนของหุ้นรายตัว
• KBANK: หนึ่งในผู้นำด้าน Digital banking คาดกำไรสุทธิปี 2565 มี upside จาก credit cost ที่มีโอกาสลดลง
• AMATA: คาดว่ายอดการโอนที่ดินจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จากลูกค้าหลักในกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ และ โลจิสติกส์
• ZEN: ได้รับประโยชน์จากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรปี 2565
• LH: ปี 2565 คาดได้รับแรงหนุนจากการผ่อนปรน LTV บ้านหลังที่ 2 และ 3 เต็มที่ เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมของการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 50%
• GULF: กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12.4% ต่อปีในช่วง 7 ปีข้างหน้า ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน INTUCH ช่วยสร้างความมั่นคงของกำไรสุทธิ
• DELTA: ได้รับประโยชน์จากฐานลูกค้าในกลุ่ม EV car, พลังงานสะอาด และ โทรคมนาคม
• ADVANC: มีโอกาสจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสำหรับปี 2565 เนื่องจากงบลงทุนลดลง รวมถึงได้รับประโยชน์จากเทรนด์ธุรกิจ Metaverse
• ONEE: ประเมินธุรกิจโฆษณาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในปี 2565
• SECURE: ได้รับประโยชน์จากโลกในยุคดิจิทัลที่ทำให้ความปลอดภัยในเรื่องของข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น
• XPG: ผลประกอบการปี 2565 Turnaround หลังเข้าสู่ธุรกิจ Digital Asset

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





