ร้องทนายคู่ใจ อ้างบริษัทอีคอมเมิร์ซ หลอกเงินล้าน
ผู้เสียหาย ร้อง ทนายคู่ใจ หลังถูกมิจฉาชีพอ้างบริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดัง หลอกเงินนับล้าน แถมถูกหลอกซ้ำ! ให้ถ่ายคลิปวาบหวิวอ้างจะช่วยเหลือ แต่กลับโดนแบล็อคเมล์
วันนี้ (12 มี.ค. 67) ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นางสาวศุภรัตน์ ผู้เสียหาย เดินทางมาร้องขอให้ช่วยเหลือหลังถูกมิจฉาชีพทำเป็นขบวนการอ้างบริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดัง โทรหาด้วยเบอร์ 02 และหลอกว่าเป็นสมาชิกชั้นดีได้รับสินค้าเป็นหม้อทอดไร้น้ำมันฟรี ก่อนให้แอดไลน์เข้ากลุ่ม และใช้กลยุทธ์หลอกให้ร่วมบริจาคเงินให้กับเด็ก จนตนหลงเชื่อลงทุน เพียง 1 วัน สูญเงินไปกว่า 2.8 ล้านบาท และยังถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้ถ่ายคลิปโชว์ส่วนบนส่งให้แลกกับการเอาเงินออกมา แต่ก็ถูกหลอกซ้ำขู่หากแจ้งความคลิปถูกปล่อยว่อนเน็ต
นางสาวศุภรัตน์ กล่าวว่า ตนเดินทางมาร้องเนื่องจากโดนมิจฉาชีพหลอกว่าเป็นลูกค้าชั้นดีของบริษัทอีคอมเมิร์ซแห่งหนึ่ง ใช้เบอร์ 02 โทรติดต่อมาและบอกว่าจะได้รับรางวัลฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จากนั้นชวนตน Add เข้ากลุ่มไลน์ จากนั้นมิจฉาชีพที่อยู่ในกลุ่มใช้กลยุทธ์หลอกชักจูงใจให้ตนหลงเชื่อ ซึ่งตนก็เชื่อเพราะตนซื้อของกับแอปดังกล่าวมาหลายปีและเดือนนึงยอดซื้อเยอะ ทำให้ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะมิจฉาชีพติดต่อมาว่าตนเป็นลูกค้า VIP จะได้รับหม้อทอด ตนจึงแอดไลน์ส่งที่อยู่ไปให้ จากนั้นมิจฉาชีพแจ้งว่าจะมีเงินค่าเสียเวลาให้และขอคิวอาร์โค้ดจากตน ตนจึงส่งไปให้ และมียอดเงิน 50 บาทเข้ามาจริง
จากนั้นมิจฉาชีพใช้อุบายว่าจะมีการบริจาคร่วมกับองค์กรองค์กรหนึ่ง และส่งเป็นตารางกลับมาโดยเป็นตารางเปรียบเทียบยอดบริจาคว่าหากตนบริจาคให้ยอด 100,000 บาท ตนจะได้เงินคืน 130,000 บาท ซึ่งตนก็บริจาคและได้รับเงินกลับมาจริง ทำให้หลงเชื่อและมีการโอนต่อเพิ่มไปเรื่อยๆจนจบที่ยอด 2.8 ล้านบาท และไม่ได้เงินออกมาอีกเลยโดยมิจฉาชีพอ้างว่ามีปัญหาเรื่องระบบผิดพลาด จึงไม่สามารถนำเงินออกมาได้และแจ้งอีกว่าหากตนแจ้งตำรวจจะไม่ได้ยอดเงินทั้งหมดคืน
นางสาวศุภรัตน์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่เงินตนไม่พอ เพราะมิจฉาชีพอ้างว่าตนจะต้องเสียค่าดำเนินการ ดำเนินเอกสารเพื่อที่จะเบิกเงินออกมา และตอนนั้นตนไม่มีเงินแล้ว ตนจึงแจ้งมิจฉาชีพกลับไปว่าขอปล่อยเงินตรงนี้ไปดีกว่าตนต้องไปกู้เงินคนอื่นมา จากนั้นคนในกลุ่มจึงอาสาว่าเดี๋ยวจะช่วยแต่ต้องแลกกับคลิปโป๊ช่วงบนและช่วงล่างแต่ขณะนั้นตนเป็นประจำเดือนจึงส่งแค่คลิปช่วงบนให้
โดยรอบแรกส่งแบบไม่เห็นหน้า จากนั้นมิจฉาชีพแจ้งว่าขอแบบเห็นหน้าได้ไหมไม่เห็นหน้าแล้วไม่มีอารมณ์ ตนจึงส่งไปทั้ง 2 คลิปทั้งเห็นหน้าและไม่เห็นหน้า พร้อมส่งเลขที่บัญชีไปเพื่อให้เขาโอนเงินคืนมา แต่ได้รับคำตอบว่าไม่โอนและเงียบหายไป จนตนไล่บี้ จนได้คำตอบมาว่า “ขอบคุณนะสำหรับคลิป ถือว่าเป็นการทำบุญทำทานให้ละกัน” และมีการข่มขู่ว่าหากตนไปแจ้งความและมีหมายศาลส่งมาจะนำคลิปไปปล่อยในโลกออนไลน์
นางสาวศุภรัตน์ เผยอีกด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุตนไปแจ้งความกับตำรวจที่สภ.พุทธมณฑล ทางตำรวจแจ้งกับตนว่า คดีนี้เป็นคดีก่ำกึ่ง?ว่าตำรวจไซเบอร์จะรับไว้พิจารณาหรือว่าจะส่งกลับมาให้ทางสภ.พุทธมณฑลสอบ เพราะหากส่งกับมาให้สภ.ทำ ตำรวจร้อยเวรที่รับแจ้งความเปิดเผยกับตนว่า สภ.ไม่มีศักยภาพพอที่จะไปไล่ตามไล่บี้หรือมีอำนาจขนาดนั้น ทำให้ตนยิ่งเดือดเนื้อร้อนใจเพราะว่าตอนนี้ไม่มีเงินที่จะให้ลูก หรือให้แฟนไปลงทุนต่อ แค่จะกินข้าว 1 มื้อ 50 บาทยังไม่มี จึงต้องดิ้นรน และตนมีความคิดว่าจะขายตัวและคิดสั้นตลอดเวลา
ตนจึงต้องออกมาวันนี้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง เพราะมองว่าไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว ตนไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับเงินคืนแต่ต้องการให้ตำรวจจับตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้
ด้านนายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยว่า หลังจากนี้ทางมูลนิธิฯ จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ที่สอท. 2 ให้เร่งติดตามตัวมิจฉาชีพมารับโทษ โดยเฉพาะคนที่บอกจะเอาคลิปของผู้เสียหายไปเผยแพร่ต้องเอาตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด และเร่งให้รีบออกหมายเรียกบัญชีม้ามาดำเนินคดีและรับทราบข้อกล่าวหาโดยเร็วที่สุดเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





