fbpx
Home
|
อาชญากรรม

“บิ๊กโจ๊ก” รู้หมดแล้วใครบงการ หวังดิสเครดิต

Featured Image
บิ๊กโจ๊ก เชื่อมีใบสั่ง ลั่นรู้แล้วใครบงการ พร้อมท่องอุดมคติตำรวจ “ต้องอดทนต่อความเจ็บใจ และไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล”

 

 

วันนี้ (25 ก.ย.66) เวลา 14.00 น. ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณีถูกตำรวจคอมมานโดกองปราบปรามและตร.ไซเบอร์ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักภายในซอยวิภาวดี 60 พร้อมทั้งออกหมายจับลูกน้องคนสนิท ซึ่งเป็นมือทำคดี 8 นาย ว่า ได้สั่งการให้ลูกน้องคนสนิทเข้ามอบตัวที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล 5 แล้ว

 

โดยส่วนตัวยืนยันไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่และตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าไปกดดันตำรวจระดับผู้กำกับในท้องที่ในการช่วยเหลือลูกน้องทั้ง 8 คน ที่ถูกออกหมายจับ แต่หากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าลูกน้องกระทำความผิดก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

 

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเช็คบิล สำหรับการดำเนินคดีต่างๆที่สะสมมาหมดใช่หรือไม่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการเพื่อดิสเครดิต และถือว่าเป็นการชกใต้เข็มขัด และหลายคดีก็งวดเข้ามาแล้ว และตอนนี้ตนรู้หมดแล้วว่าใครเป็นคนสั่งการให้บุกค้นบ้าน

 

ส่วนในช่วงบ่ายที่จะเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้เป็นการเข้าพบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เป็นการเข้าไปประชุมตามปกติ ส่วนกระแสข่าวที่มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายให้ตัวเองไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ เลขา ป.ป.ส.นั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นและตอนนี้ยังสนุกกับการทำงานอยู่ แต่ถ้าหากมีการย้ายจริง ตนไปที่ไหนก็ได้เพราะชอบทำงาน แต่ต้องเป็นการย้ายที่เป็นธรรม

 

ขณะเดียวกันในอดีต เคยมีคำสั่งให้ตนไปปฎิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตนก็ได้มีการฟ้องร้องในเรื่องดังกล่าวกับนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าตนไม่ใช่คนก้าวร้าวแต่ว่าทุกอย่างต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรม เพราะเมื่อตนดำเนินคดีกับบุคคลใดก็ต่างให้ความเป็นธรรมกับบุคคลนั้นเช่นกัน.

 

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระทบกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 27 กันยายนนี้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่า การพิจารณานั้นขึ้นอยู่กับระเบียบที่พิจารณาจากอาวุโสและผลงาน โดยมีคณะ ก.ตร. และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอรายชื่อ

 

 

 

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ตัวเองเป็นอันดับ 2 ไม่ใช่แคนดิเดต ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้จะต้องดูเบอร์ 1 หากเบอร์ 1 ยังอยู่ ตนก็ไม่คิดอ๊อฟไซต์ (ล้ำหน้า) และพรบ.ตำรวจปี 65 เขียนไว้ชัดเจนว่าจะต้องมีการพิจารณาโดยการยึดตำแหน่งผู้อาวุโส และตอนนี้ตนก็ความสนุกกับการทำงานในตำแหน่งนี้ และตนก็ยังเหลือเวลาราชการอีกเยอะ รวมถึงไม่คิดไปแข่งกับใคร

 

 

ส่วนประชาชนบางส่วนอยากให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า แค่ตื่นเช้าขึ้นมาได้ทำงานก็พอใจแล้ว ส่วนจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่นั้น เรื่องนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรี แต่เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งตัวชี้วัดอยู่ที่ประชาชน และในเรื่องที่ตนเองถูกตรวจสอบก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่หากใครทำโดยไม่ชอบ ก็ต้องรับผิดชอบในความผิดนั้นไปด้วย

 

 

ช่วงท้ายฝากถึงประชาชนว่าไม่ต้องห่วง ตนจะรักษาหน้าที่ให้ดีที่สุด และพร้อมรับการตรวจสอบ ใครอยากตรวจสอบตนก็จะให้ตรวจสอบ เนื่องจากโดนมาเยอะแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรก โดยมองว่าเรื่องนี้มีใบสั่งมาเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ

 

 

ช่วงหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกด้วยว่า จะยังทำงานตามปกติเช่นเดิม และจะไม่ลดบทบาทของตนเอง ก่อนจะพูดอุดมคติตำรวจบางช่วงบางตอนด้วยว่า “ต้องอดทนต่อความเจ็บใจ และไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล”

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube