fbpx
Home
|
อาชญากรรม

คณะแพทย์ศิริราช เร่งประสานคืนเงินบริจาค “ชูวิทย์”

Featured Image
คณะบดีคณะแพทย์ศิริราช เผย ไม่นิ่งนอนใจปมเงินบริจาค 3 ล้าน ยัน จะคืนเงินดังกล่าวให้นายชูวิทย์โดยเร็ว

 

 

วันนี้ (24 มี.ค. 66) ศ. นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล แถลงชี้แจงประเด็น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มอบเงินบริจาคให้คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ณ ห้องประชุมสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น G รพ.ศิริราช

 

ศ. นพ.อภิชาติ กล่าวว่า นายชูวิทย์ได้บริจาคเช็คเงินสดจำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งวันนั้นตนและหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ได้มาเป็นผู้รับมอบ และได้ออกใบเสร็จรับเงินในนามนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยใบเสร็จดังกล่าวสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมายสูงสุด 2 เท่า ในเวลาต่อมาตนได้ติดตามข้อมูลข่าวสารจึงทราบว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายซึ่งทางคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ตนจึงยืนยันที่จะคืนเงินดังกล่าวให้กับนายชูวิทย์ ซึ่งจะคืนเงินให้นายชูวิทย์โดยเร็วที่สุด ในช่องทางที่เหมาะสม

 

 

เมื่อถามว่าต่อไปทางโรงพยาบาลจะมีกฎเกณฑ์อะไรหรือไม่ที่จะออกใบเสร็จให้กับผู้ที่มาบริจาคเพื่อช่วยป้องกันการนำเงินที่ผิดกฎหมายมาฟอกขาว ศ.น.พ.อภิชาติ กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆทั้งสิ้น อยู่ที่ความตั้งใจของผู้บริจาคที่มีความตั้งใจอยากจะมาช่วยโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งศิริราชเป็นสถาบันการแพทย์ของแผ่นดินและมีคนไข้มารับการรักษาจำนวนมากจากทุกๆที่ของประเทศไทย ดังนั้นการรับบริจาคถือว่าทุกคนมีจิตศรัทธาและทางโรงพยาบาลก็ซาบซึ้งในสิ่งที่ทุกคนมาช่วยเหลือตลอดและนำเงินบริจาคของทุกคนไปช่วยการศึกษา การวิจัย การสร้างตึก ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้บริจาคตั้งใจไว้อย่างตรงไปตรงมา

 

ศ. นพ.อภิชาติ กล่าวต่อว่า เรื่องการบริจาคไม่ได้ดูที่ตัวบุคคล ดูที่ความตั้งใจของทุกคน หากเงินบริจาคมาจากตัวของตัวเองที่อยากบริจาคเป็นสิ่งที่รับได้ แต่จากที่ตนทราบเงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เงินของนายชูวิทย์จึงเป็นต้องคืนเพื่อให้นายชูวิทย์ไปดำเนินการให้ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube