“อัยการดาว” เผยศาลเตรียมแยกฟ้องสํานวนแตงโม
“อัยการดาว” เผยศาลเตรียมแยกฟ้องสํานวนแตงโมตกเรือเสียขีวิต สัปดาห์หน้า
วันนี้ (10 มี.ค. 66) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ หรือ “อัยการดาว” อัยการผู้ดูแลสำนวนคดีการเสียชีวิต “เเตงโม นิดา” เปิดเผยว่า สำหรับจำเลยที่ 3-6 ที่ยังคงให้การปฏิเสธนั้น ศาลได้สั่งให้อัยการแยกคดีออกเป็น 2 ส่วน คือในส่วนของจำเลยที่ 1 และ 2 ที่ให้การรับสารภาพไปแล้ว แยกออกจากจำเลยที่ 3-6 ที่ยังคงให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และให้ทำเรื่องส่งฟ้องเข้ามาใหม่ ภายในระยะเวลา 15 วัน โดยทางอัยการจะทำเรื่องส่งฟ้องจำเลยที่ 3-6 ในวันที่ 17 มีนาคม 66 นี้ ในข้อหาเดิมตามที่พนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวนและส่งสำนวนมา ซึ่งทุกอย่างได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนจำเลยที่รับสารภาพในสำนวนเดิม ศาลจะต้องรอตัดสินผลพิพากษาในจำเลยที่ 1 กับ 2 ที่รับสารภาพก่อนในวันที่ 10 พ.ค.66 นี้ ดังนั้นสำนวนบางสำนวนยังอยู่ในสำนวนเดิม ซึ่งถ้าคดีเดิมยังไม่ทราบผลของคำพิพากษา ไม่ว่าศาลจะตัดสินลงโทษหรือรอการลงโทษ จะไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจศาลได้ และเมื่อศาลตัดสินแล้วคดียังไม่ถึงที่สุดก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายจำเลยว่า จะอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ ถ้าไม่อุทธรณ์หรืออัยการอุทธรณ์ก็ต้องรอผลการพิพากษาของศาลในอนาคตก่อน
ดังนั้นในขั้นตอนของจำเลยที่ 1 และ 2 ถามว่าคดีถึงที่สุดหรือไม่นั้น ตอนนี้มีสิทธิ์ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย ซึ่งตอนนี้คุณแม่ของคุณแตงโม ได้ขอยื่นคำร้องเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว และศาลก็มีคำสั่งให้คุณแม่เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว ในส่วนของคู่ความที่เป็นโจทก์ร่วม ก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินคดีในส่วนของคุณแม่ แต่สำนวนของพนักงานอัยการที่ยื่นไปถือเป็นสำนวนหลัก ข้อหาเดิมที่ยื่นไปก็ถือเป็นข้อหาหลัก
อย่างไรก็ตามในคดีเดิมของจำเลยที่รับสารภาพ มีการคุยในชั้นศาลอยู่ก่อนแล้ว เป็นการยอมรับสารภาพในเรื่องของความประมาท เนื่องจากเป็นการนั่งเรือและมีการดื่มแอลกอฮอล์หลายชั่วโมงติดต่อกันในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร ซึ่งจำเลยทั้งสองก็ยอมรับตามคำฟ้องในเรื่องความประมาท
นอกจากนี้อัยการดาวยังเปิดยังเผยถึง การทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ว่ามีการทำสำนวนที่รอบคอบรัดกุมในทุกประเด็น จนทำให้อัยการเชื่อได้ว่าจะสามารถเอาผิดได้ในชั้นศาล แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีความพิเศษเฉพาะตัวเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นบนบกเหมือนกับคดีอื่นๆ แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในแม่น้ำจึงต้องมีการแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมนานเป็นพิเศษ
อีกครั้งคดีนี้ยังได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและมีการให้ข่าวจากแหล่งต่างๆ จนทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้แสวงหาพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเพื่อต่อประเด็นต่างๆ เหล่านี้ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในสำนวนคดี แต่ถือว่าเป็นการไขข้อสงสัยของประชาชนและโลกออนไลน์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





