Home
|
อาชญากรรม

เตรียมเค้าท์ดาวน์ กฎหมาย JSOC

Featured Image
สมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม ยกระดับ MOU 6 หน่วยงาน บูรณาการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ เตรียมพร้อมเค้าท์ดาวน์ กฎหมายJSOC มีผลบังคับใช้

 

วันนี้ (23 ธ.ค. 65) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบูรณาการ เพื่อป้องกันการกระทำความผิดซ้ำจากผู้กระทำความผิดคดีทางเพศหรือใช้ความรุนแรง ระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณะสุข และกระทรวงยุติธรรม ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม

 

โดย JSOC ใช้เพื่อดูแลผู้กระทำความผิดจากคดีความผิดอุกฉกรรจ์ที่ใช้ความรุนแรง ประกอบด้วย 3 กลุ่ม ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่น การข่มขืนกระทำชำเราและอนาจารความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย เช่น ฆ่าคนตาย ทำร้ายร่างกายจนอันตรายสาหัส และความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพเช่น การเรียกค่าไถ่ และไม่ว่าจะเป็นการกระทำความผิดในครั้งแรกหรือกระทำผิดมาแล้วก็ตาม แต่ถ้าอยู่ในข่ายของคดีรุนแรงเหล่านี้ก็จะถือว่าผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีหน้าที่ตามกฎหมายฉบับนี้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การลงนามร่วมกันทั้ง 6 หน่วยงานเป็นก้าวสำคัญที่หน่วยงานที่มีบทบาททั้งในการพิจารณาพิพากษาคดี การป้องกันปราบปรามและเฝ้าระวังตลอดจนการแก้ไขฟื้นฟูได้ร่วมกันผลักดัน การดำเนินงานตามพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือความรุนแรง พ.ศ. 2565 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคม 2566 ทั้งในระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนสร้างกลไกที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มผู้กระทำความผิดลักษณะพิเศษดังกล่าวในระดับพื้นที่เชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ชาติที่เกี่ยวข้องอันก่อให้เกิดการบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติจะเป็นหน่วยงานหลักที่จะดูแลมาตรการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ทั้งในมาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด มาตรการเฝ้าระวังภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และมาตรการคุมขังฉุกเฉินภายใต้การพิพากษาจากสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งจะได้รับข้อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนด้วยหลักฐานทางกฎหมายจากสำนักงานอัยการสูงสุด อย่างไรก็ตามการฟื้นฟูผู้กระทำความผิดในระหว่างคุมขังในเรือนจำหรือภายหลังพ้นโทษต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการรักษาอาการทางกายและการเจ็บป่วยทางจิตและอารมณ์โดยกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์จากกรมการแพทย์และกรมสุขภาพจิต

ในขณะเดียวกันการป้องกันปราบปรามและเฝ้าระวังการคุมขังภายหลังพ้นโทษหรือแม้แต่การคุมขังฉุกเฉินย่อมต้องการกองกำลังจากหน่วยงานโดยตรงอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครอง และกรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับสังคม

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube