fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ฎีกาให้จำเลยร่วมฟื้นฟูชายหาดอ่าวมาหยา

Featured Image
ศาลฎีกาสั่งจำเลยร่วม ฟื้นฟูชายหาดอ่าวมาหยา หลังอนุญาตให้ถ่ายทำหนัง “เดอะบีช” กลับสู่สภาพเดิม

 

 

วันนี้ (13 ก.ย.) ศาลแพ่ง รัชดา นัดฟังคำพิพากษาฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม คดีที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ โจทก์ที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ โจทก์ที่ 2 กับพวกรวม 19 ราย ร่วมกันยื่นฟ้อง รมว.เกษตรและสหกรณ์ กรมป่าไม้ อธิบดีกรมป่าไม้ จำเลยที่ 3 กับพวก เป็นจำเลยที่ 1 – 5 ใน ความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

 

จากกรณีเมื่อปี 2541 ได้มีการอนุมัติให้บริษัททำถ่ายภาพยนตร์ เรื่อง เดอะบีช เข้าไปตกแต่งเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ชายหาดอ่าวมาหยา บนเกาะพีพี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพีเล จ.กระบี่ เพื่อใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ อันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเดิม

 

โจทก์จึงขอให้มีคำพิพากษาให้คำสั่ง จำเลยที่ 1-3 ที่อนุญาตจำเลยที่ 4 เข้าไปถ่ายภาพยนตร์เป็นโมฆะ ให้จำเลยร่วมกันวางเงินประกันค่าความเสียหาย หากจำเลยไม่วางเงินขอให้ศาลมีคำสั่งกระทำการใดๆ เพื่อตกแต่งอ่าวมาหยา ขอให้จำเลยที่ 1-3 เพิกถอนใบอนุญาตจำเลยที่ 4-5 เข้าถ่ายทำภาพยนตร์ และขอให้จำเลยร่วมกันปรับปรุงแก้ไขสภาพชายหาดมาหยา กลับคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติ

 

โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ปรับปรุงแก้ไขหาดมาหยา ให้กลับคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติ โดยให้จำเลยที่ 2 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อทำแผนการแก้ไขฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนบริเวณอ่าวมาหยา ประกอบด้วยโจทก์ที่ 1-2

 

ผู้เชี่ยวชาญที่ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งในคดีนี้ และผู้แทนจากภาคเอกชนตามที่จำเลยที่ 2 เห็นสมควรภายใน 30 วันนับแต่วันอ่านคำพิพากษา เพื่อเสนอแผนการฟื้นฟูระบบนิเวศนี้ และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนบริเวณอ่าวมาหยา ต่อศาลเพื่อพิจารณาการปฏิบัติตามแผนของคณะทำงาน

 

สำหรับจำเลยที่ 4-5 ให้รับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ฉบับลงวันที่ 27 ก.พ.62 ซึ่งตามสัญญานั้น จำเลยที่ 5 ประสงค์และยินดีจะอำนวยการช่วยเหลืออนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมโดยมอบเงิน 10 ล้านบาท เพื่อให้โจทก์ที่ 1-2 นำไปใช้เพื่อการอนุรักษ์ตามอำนาจหน้าที่ และโจทก์ที่ 1 จะรายงานผลการปฏิบัติงานต่อศาลทุกกำหนด 1 ปีต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 ปีหรือจนกว่าเงินจะหมด

 

ส่วนจําเลยที่ 1 และที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์แผนกคดีสิ่งแวดล้อม พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

 

ต่อมา โจทก์ที่ 1-2 ยื่นฎีกา โดยคำพิพากษาศาลฎีกา สรุปว่า ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทั้งนี้จนกว่าหาดมาหยา มีสภาพเดิมตามธรรมชาติตามที่จำเลยที่ 2 และคณะทำงานเพื่อทำแผนการแก้ไขฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนบริเวณอ่าวมาหยาเห็นชอบร่วมกัน หรือตามที่ศาลเห็นสมควรในกรณีที่จำเลยที่ 2 และคณะทำงานดังกล่าวไม่สามารถเห็นชอบร่วมกันได้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

 

ทั้งนี้การปฏิบัติตามคำพิพากษาฎีกา ให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาฎีกาภายใน 30 วัน มิฉะนั้นจะถูกบังคับตามคำพิพากษาตามขั้นตอนกฎหมาย

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube