ลบรอยสัก กี่ครั้งหาย สีสดก็ลบได้จริงไหม รู้คำตอบก่อนตัดสินใจทำ
หลายคนอาจกำลังมองหาวิธีลบรอยสัก เพราะเมื่อเวลาผ่านไปลายสักที่เคยชอบอาจไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันแล้ว เช่น มีการเปลี่ยนงาน ความชอบเราเปลี่ยนไป หรืออยากปรับภาพลักษณ์ให้ดูเรียบร้อยขึ้น แต่เมื่อคิดจะลบรอยสักคำถามที่มักได้ยินเสมอ คือ ต้องทำกี่ครั้งถึงจะหาย และถ้าเป็นรอยสักสีสดจะลบได้จริงไหม บทความนี้พร้อมจะอธิบายทุกเรื่องที่คนอยากลบรอยสักอยากรู้ ก่อนตัดสินใจว่าเราควรลบรอยสักหรือไม่?
ลบรอยสัก มีหลักการทำงานอย่างไร
การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ถือเป็นวิธีมาตรฐานที่นิยมที่สุดในปัจจุบัน เพราะปลอดภัยไม่ต้องผ่าตัด และมีโอกาสเกิดแผลเป็นน้อยกว่าการลบรอยสักแบบเดิม ๆ หลักการของเลเซอร์ลบรอยสัก คือ การยิงพลังงานแสงที่ถูกตั้งค่าความยาวคลื่นเฉพาะเข้าไปในเม็ดสีของรอยสัก เมื่อเม็ดสีได้รับพลังงานจะถูกแตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กลง จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดเม็ดสีที่ถูกทำลายผ่านระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
เลเซอร์ที่ใช้ลบรอยสักในยุคนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Q-Switched และ Pico Laser ซึ่งให้พลังงานสั้นมากในระดับพิโควินาที ทำให้เม็ดสีแตกละเอียดกว่า และลดความร้อนสะสมบนผิว จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อแผลเป็นหรือผิวด่าง
โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกความยาวคลื่นเลเซอร์ที่เหมาะสมกับเฉดสีของรอยสัก เพื่อให้เลเซอร์ทำงานได้แม่นยำที่สุด เช่น สีเข้มมักตอบสนองต่อเลเซอร์ได้ดีกว่าสีอ่อนหรือสีสด นั่นเอง

ลบรอยสักต้องทำกี่ครั้งกว่าจะหาย
โดยจำนวนครั้งที่ต้องทำการลบรอยสักเพื่อให้รอยสักดูจางจนแทบมองไม่เห็น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและต่างกันไปในแต่ละคน โดยทั่วไปมักต้องทำประมาณ 5–10 ครั้ง หรือมากกว่านั้นหากเป็นรอยสักที่ซับซ้อน เช่น มีสีที่หลากหลาย รอยเส้นหนา หรือฝังหมึกลึกกว่าเดิม
สาเหตุที่ต้องลบรอยสักหลายครั้ง ได้แก่
-
สีของรอยสัก โดยสีดำเป็นสีที่ลบง่ายที่สุด ส่วนสีเขียว น้ำเงินสด หรือแดงสด มักลบยากกว่า
-
ความลึกของหมึก รอยสักที่ช่างสักฝังหมึกลึกจะลบยากกว่าและต้องใช้เวลามากขึ้น
-
ความเข้มของรอยสัก ลายที่สักซ้ำหลายรอบจะลบได้ช้ากว่า
-
อายุของรอยสัก รอยสักที่เก่าหลายปีมักจางเองบางส่วน ทำให้ลบง่ายกว่ารอยสักใหม่
-
ตำแหน่งของรอยสัก จุดที่เลือดไหลเวียนดี เช่น ไหล่ แขน มักตอบสนองต่อเลเซอร์ดีกว่าบริเวณที่เลือดไหลเวียนน้อย เช่น ข้อเท้า
ซึ่งทั่วไปแล้วหลังลบรอยสักแต่ละครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ผลัดเม็ดสีออก และเห็นว่ารอยสักจางลงประมาณ 10–20% ต่อครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติและปลอดภัยต่อผิวด้วย
ลบรอยสักสีสดๆ ลบได้จริงไหม
หลายคนยังกังวลว่ารอยสักสีสด ๆ เช่น แดง เขียว น้ำเงิน ม่วง หรือสีเรืองแสง จะลบได้ยากกว่าสีดำ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องในระดับหนึ่ง เพราะเม็ดสีแต่ละสีดูดซับพลังงานเลเซอร์ต่างกัน ทำให้ต้องเลือกความยาวคลื่นที่เหมาะที่สุดในการลบ
อย่างไรก็ตาม Pico Laser รุ่นใหม่ ทำให้เราสามารถลบรอยสักสีสดได้ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเลเซอร์ยุคก่อน สีที่เคยลบยากอย่างสีเขียวหรือน้ำเงินเข้ม ก็เริ่มตอบสนองต่อเลเซอร์ได้ดีขึ้นและต้องใช้จำนวนครั้งน้อยลงกว่าสมัยก่อน แม้จะใช้เวลามากกว่าสีดำ แต่ผลโดยรวมสามารถจางลงได้จนแทบไม่เห็นได้เช่นกัน หากเราทำต่อเนื่องจนจบคอร์ส
แต่สิ่งสำคัญ คือ ควรประเมินกับแพทย์ก่อนว่ารอยสักนั้นใช้หมึกประเภทใด มีสีอะไรบ้าง เพื่อให้แพทย์เลือกเลเซอร์ที่เหมาะสม จะได้ลดโอกาสเป็นรอยด่างหรือเกิดแผลเป็น
ลบรอยสักเจ็บไหม ต้องพักฟื้นหรือไม่
โดยความรู้สึกเจ็บขณะทำเลเซอร์ลบรอยสัก มักคล้ายกับการดีดหนังยางบนผิวหนังแรง ๆ ซึ่งความเจ็บจะขึ้นอยู่กับขนาดของรอยสักและความเข้มของสี แต่ในคลินิกส่วนใหญ่แพทย์จะทายาชาเพื่อช่วยลดความเจ็บก่อนลบรอยสัก ทำให้ผู้รับบริการส่วนใหญ่ทนได้สบายอยู่แล้ว และหลังทำมักมีอาการ ดังนี้
- แดงร้อนเล็กน้อยคล้ายโดนแดด
- บวมบางจุด
- อาจมีสะเก็ดหรือผิวลอกบาง ๆ
อาการเหล่านี้จะหายภายใน 3–7 วัน ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคน ดังนั้น หลังทำเลเซอร์ลบรอยสักก็ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแค่ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือกิจกรรมที่ทำให้ผิวอักเสบในช่วงแรก ๆ เท่านั้น
ดูแลผิวหลังลบรอยสักให้หายไว ต้องทำยังไงบ้าง

การดูแลผิวหลังเราได้ลบรอยสักอย่างถูกต้อง จะช่วยให้สะเก็ดหายเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดรอยดำหรือรอยด่างได้ดี ซึ่งเราควรดูแลผิว ดังนี้
- ประคบเย็นทันทีหลังทำ เพื่อช่วยลดอาการร้อนและบวม
- ทายาที่แพทย์ให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะยาลดการอักเสบและยาป้องกันการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างเคร่งครัด ควรปิดปกคลุมบริเวณที่ลบรอยสัก หากโดนแดดจะเกิดรอยดำง่าย
- อย่าแกะสะเก็ด เพราะอาจกลายเป็นแผลเป็นหรือรอยดำได้
- งดว่ายน้ำหรือแช่น้ำร้อน อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังลบรอยสัก
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวฟื้นตัวและช่วยร่างกายกำจัดเม็ดสีออกได้เร็วขึ้น
ลบรอยสักต้องเลือกคลินิกแบบไหนถึงปลอดภัย
การลบรอยสักไม่ใช่ที่ไหนก็ทำได้ จำเป็นต้องอาศัยแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ เพราะหากตั้งค่าพลังงานผิด อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็น ผิวบาง หรือรอยด่างได้ง่าย จึงควรเลือกคลินิกลบรอยสัก ดังนี้
- มีแพทย์ผิวหนังดูแลตลอดการรักษา และมีประสบการณ์ด้านเลเซอร์โดยเฉพาะ
- ใช้เครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน เช่น Q-Switched หรือ Pico Laser ของแท้ที่ผ่านการรับรอง
- สามารถอธิบายผลลัพธ์หลังลอบรอยสักที่คาดหวังได้จริง ไม่อวดอ้างผลที่เกินจริง
- มีการถ่ายภาพเปรียบเทียบก่อน–หลังทุกครั้ง เพื่อประเมินความคืบหน้า
- สถานที่สะอาด ได้มาตรฐาน ลดความเสี่ยงอักเสบติดเชื้อ
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ช่วยยืนยันคุณภาพและความปลอดภัย
ดังนั้น การเลือกคลินิกลบรอยสักที่เชี่ยวชาญไม่เพียงช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีเท่านั้น แต่ยังช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องทำ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงในระยะยาวด้วย
สรุป
การลบรอยสักในปัจจุบันจึงเป็นหัตถการเสริมความงามที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพกว่าเดิมมาก ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์รุ่นใหม่ที่ช่วยให้เม็ดสีแตกละเอียดและกำจัดได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรอยสักสีเข้มหรือสีสดก็สามารถลบจนจางลงได้ หากทำต่อเนื่องและอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ซึ่งจำนวนครั้งที่ต้องทำมักอยู่ที่ 5–10 ครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับประเภทของรอยสัก สี ความลึก และการตอบสนองของผิวแต่ละคน หากเรามีการดูแลหลังทำอย่างถูกต้องและเลือกคลินิกที่ใช้เครื่องมือคุณภาพสูง ผลลัพธ์การลบรอยสักก็จะเห็นชัดเจนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น





