สะเทือนข้ามชาติ! ตร.ไซเบอร์จ่อคุยสหรัฐฯ ปมยึดทรัพย์ ”เฉิน จื้อ“
เสียงสะเทือนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริการ่วมกับสหราชอาณาจักรประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อเครือข่ายที่ดำเนินศูนย์สแกมเมอร์อย่างผิดกฎหมายทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหลอกเหยื่อทั่วโลกให้สูญเสียเงินจำนวนมหาศาลและทรมานแรงงานที่ถูกค้ามนุษย์มาทำงานในศูนย์เหล่านี้
โดยเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา หน่วยงานข่าวกรองทางการเงินของสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร ประกาศ ยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเครือข่ายธุรกิจของชายชื่อ “เฉิน จื้อ” มหาเศรษฐีชาวจีนเชื้อสายกัมพูชา ผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ “Prince Group” ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร พลังงาน และเทคโนโลยีในหลายประเทศทั่วเอเชีย
แต่สิ่งที่ทำให้คนไทยต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือคำยืนยันจาก พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ระบุว่า ไทยเตรียมประสานข้อมูลกับสหรัฐฯเพื่อตรวจสอบว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดนั้นมีส่วนใดโยงกับการกระทำความผิดในประเทศไทยหรือไม่
โดยหน่วยงานของสหรัฐฯ ชี้ว่า เครือข่ายของ “เฉิน จื้อ” อาจเกี่ยวข้องกับ ขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ที่มีการล่อลวงแรงงานต่างชาติให้เข้ามาทำงานในกัมพูชาก่อนบังคับให้ดำเนินการหลอกลงทุนออนไลน์
ข้อมูลจากหลายประเทศระบุว่าศูนย์หลอกลวงเหล่านี้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจระดับ “หมื่นล้านดอลลาร์” และเชื่อมโยงกับธุรกรรมการเงินที่ซับซ้อนหลายชั้น ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาออกมาปฏิเสธว่า Prince Group ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง และจะให้ความร่วมมือกับต่างชาติหากมีหลักฐานชัดเจน
หลังข่าวยึดทรัพย์ดังกล่า มีบริษัทบางแห่งในไทยถูกโยงว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับ Prince Group แต่ต่อมาหลายแห่งได้ออกแถลงปฏิเสธทันทีว่า “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” อย่างไรก็ตามทางตำรวจไซเบอร์ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยเตรียมประสานข้อมูลกับทางสหรัฐฯเพื่อตรวจสอบว่ามีการฟอกเงินหรือหมุนเวียนทุนในประเทศไทยด้วยหรือไม่
ทั้งนี้แม้การยึดทรัพย์ดังกล่าวจะถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า เฉิน จื้อ มีความผิดตามกฎหมายกัมพูชา ในขณะเดียวกันประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่อาจพาดผ่านเขตเศรษฐกิจของตน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





