fbpx
Home
|
ข่าว

“จุลพันธ์” แจงสภาฯ ผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร

Featured Image

 

 

 

“จุลพันธ์” แจงสภาฯ ผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร รับมีผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็มีผลกระทบต่อสังคม พร้อมแนบร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ชี้ต้องกำหนด การจ้างงานในพื้นที่เปิดสถานบันเทิงเพื่อเป็นการยืนยันสิ่งที่ชุมชนจะได้รับ และวางกลไกป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กำหนดตั้งกองทุนฟื้นฟูเยียวยา

 

 

 

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณารายงานการศึกษาเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว

 

โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมธิการกล่าวรายงานต่อที่ประชุมว่า การศึกษาเป็นภารกิจที่ท้าทาย เพราะเป็นผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็มีผลกระทบในมุมกลับต่อสังคม การทำงานครั้งนี้ส่งมอบ3 หัวใจหลักในการศึกษา คือ 1.ด้านกฎหมาย สำหรับเดินหน้าเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งกฎหมายเป็นกลไกหลักที่จะทำให้เรื่องนี้เดินหน้าได้ 2. รูปแบบธุรกิจและการจัดเก็บรายได้ของรัฐ ที่ศึกษาโมเดลความสำเร็จของต่างประเทศ และมีกลไกป้องกันอย่างเหมาะสม และ 3. ศึกษาผลกระทบ ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งในช่วงเช้ามีภาคประชาชนยื่นหนังสือแสดงความห่วงใย ผลกระทบที่จะเกิดต่อสังคม

 

 

โดยในภาคผนวกมีตัวอย่างการยกร่างร่างกฏหมายที่อาจจะนำมาใช้ หากประเทศไทยจะสามารถเดินหน้าการทำเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งการศึกษาของกรรมาธิการยังไม่ใช่ข้อยุติ เมื่อรายงานสู่สภาฯ หากที่ประชุมเห็นชอบรายงานยังไม่ใช่สิ้นสุดการเดินหน้าและไม่ใช่จุดสุดท้าย โดยจะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาพิจารณารายละเอียดต่อไป เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะพิจารณาดำเนินการว่าโครงการเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ จะแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไร หรือจะเดินหน้าเมื่อไหร่

 

 

“ หัวใจหลักคือกฎหมายที่เราเสนอเป็นการยกร่าง ผมเชื่อว่าทุกท่านจะมีความเห็นเรื่องของเนื้อหากฎหมายในแต่ละจุดที่เราได้นำเสนอมา ซึ่งต้องขอบคุณอนุกรรมธิการด้านกฎหมาย นายโกศล ปัทมะ รวมถึงตัวแทนกฤษฎีกา ที่เข้ามาช่วยทำงานในการยกร่างตัวกฎหมายนี้เป็นตุ๊กตา หากเป็นการเดินหน้าโดยฝ่ายบริหารมีความเห็นชอบก็ต้องส่งกลับมาเป็นอำนาจของพวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่ในการพิจารณารายละเอียดของตัวบทกฎหมายที่จะมาใช้กำกับควบคุมเชื่อว่าความเห็นของท่านจะได้รับการสะท้อนสู่กฎหมายในอนาคต” นายจุลพันธุ์กล่าว

 

 

นายจุพันธ์ ยังรายงานผลศึกษา 4 ส่วน เรื่องแรกโครงสร้างการกำกับดูแล ผลกระทบทางสังคม ผลกระทบทางเศรษฐกิจ การจัดเก็บรายได้ของรัฐและกฎหมาย ซึ่งจากการศึกษาสะท้อนให้เห็นว่าควรมีการผลักดันกฎหมายรองรับการดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร ที่เป็นการเห็นพ้องกันว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างอาชีพสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทย และพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยว แก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ได้เม็ดเงินไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยได้อ้างอิงโมเดลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ของสิงคโปร์ และต่างประเทศ

 

 

ทั้งนี้ หากจะเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ต้องมีการสร้างงานให้กับคนในชุมชนและคนไทย และผลการศึกษาชี้ว่าต้องกำหนดในกฎหมาย เพื่อเป็นสิ่งสำคัญที่จะยืนยันว่าประโยชน์อันจะได้รับ นอกจากการจัดเก็บรายได้จากภาษีรูปแบบต่างๆ ประชาชนคนไทยโดยเฉพาะคนในชุมชนนั้นจะต้องได้ประโยชน์จากการลงทุนที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งในรายงานมีรายละเอียดรูปแบบการจัดเก็บภาษีใหม่ๆ เช่นภาษีเกมมิ่ง หรือภาษีการพนัน หรือภาษีเงินได้ของบริษัท หรือภาษีจากการเล่น

 

 

ในเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่เพียงคาสิโน ยังมีองค์ประกอบอื่น เช่นสวนสนุก ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า โรงแรม และกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เม็ดเงินการลงทุนต่อจุดไม่ต่ำกว่าหลักแสนล้านบาท ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อชุมชนและประเทศไทย และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

และกลไกการเยียวยาได้ศึกษาตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จ ในการควบคุมกำกับ เช่นสหรัฐสหรัฐฯ หรือสิงคโปร์ ในการกำกับดูแลธุรกิจประเภทนี้ ที่มีกลไกในการเยียวยา การป้องกันปัญหา หรือการเกิดปัญหาติดพนัน หรือเกิดความรุนแรงที่พิสูจน์แล้วว่ากลไกเหล่านี้สามารถดำเนินการควบคุมกำกับได้ เช่น การกำหนดบุคคลที่ไม่ให้เข้าคาสิโน ที่สิงคโปร์ ห้ามคนมึนเมา หรือคนมีพฤติกรรมการเล่นที่ผิดแปลกอันเกิดจากการติดพนันหรือเสียพนันมีกลไกป้องกันระงับยับยั้ง

 

ส่วนการเก็บรายได้ประเภทต่างๆนอกจากรายได้เข้าสู่รัฐยังมีรายได้เข้าชุมชน และมีรายได้ส่วนหนึ่งจะการเข้ากองทุน ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนกลไกการเยียวยาประชาชนที่เกิดปัญหา ทางด้านการศึกษา การสาธารณสุข การป้องกันการพนันเกินกว่าขอบเขต เป็นกลไกที่มองว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว

 

 

โครงสร้างในกำกับมี 2 ระดับ ประกอบไปด้วยคณะกรรมการนโยบายมอบหมายให้นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการการบริหาร ที่จะบริหารงานกลั่นกรองให้คำชี้แนะแก่คณะกรรมการนโยบาย กำกับดูแลสำนักงาน เป็นบอดี้หลักในการขับเคลื่อนนโยบาย คล้ายกับคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือ บีโอไอ

 

 

ซึ่งหากรายงานฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภา จะนำส่งไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาพิจารณา หากมีนโยบายอย่างไร ทาง ครม. จะมีข้อสั่งการและรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนเพิ่มเติม และหากมีร่างกฎหมายในเรื่องนี้เสนอเข้ามายังสภาผู้แทนราษฎร จะได้ลงรายละเอียดในเนื้อหากฎหมายครั้งหนึ่ง ซึ่งปัญหาที่นำมาศึกษาเกิดจากญัตติเสนอเข้ามา และมีการรับฟังปัญหาจากประชาชน และเห็นถึงปัญหาที่เกิด ที่ทุกคนยอมรับยอมรับความจริงว่าการพนันผิดกฎหมายมีในประเทศไทย และมีมานานแล้ว ซึ่งกลไกหนึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาได้คือการทำให้ถูกกฎหมาย และมีการกำกับควบคุมดูแลที่ดี เชื่อว่าจะลดทอนปัญหาการพนันผิดกฎหมายลงได้

 

 

“ ที่สำคัญเป็นโอกาสการเก็บรายได้เข้ารัฐ ในการสร้างการเจริญเติบโต สร้างอาชีพ สร้างงานให้กับประชาชน โดยที่เราต้องคำนึงถึงตลอดเวลาเรื่องผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในเรื่องของการพนัน อันนี้จึงเป็นรายงานการศึกษาที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร”

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube