ดร.เจษฎ์ ระบุไม่ว่าศาลตัดสินออกมาอย่างไร อำนาจอธิปไตยก็ไม่อยู่ในมือประชาชน ด้าน พิชาย มองคนไทยเหมือนอยู่ในกรง ถูกซ้ำด้วยอำนาจ ส.ว.
คณะหลอมรวมประชาชน จัดงานเสวนา “นับหนึ่งประเทศไทย ด้วยอธิปไตยของปวงชน หลัง 30 ก.ย.” ว่าด้วยการวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดวันอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 30 ก.ย.ที่กำลังจะถึงนี้ โดยรองศาสตราจารย์เจษฎ์ โทณะวณิกนักกฎหมาย อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือกรธ. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เป็นฉบับแรกที่เขียนเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งห้ามติดต่อกันเกิน 8 ปี ของนายกรัฐมนตรี
ภายหลังจึงได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นวาระดำรงตำแหน่งห้ามเกิน 8 ปี หากไม่มีข้อกำหนดก็อาจเกิดการผูกขาดอำนาจรัฐประหารแล้วทหารก็ไม่ยอมไป เดือดร้อนประชาชนต้องรวมตัวประท้วงจนเกิดการสูญเสีย อย่างไรก็ตาม การระบุถึงระยะการดำรงตำแหน่งก็ยังคลุมเครือว่าเริ่มนับตั้งแต่เมื่อใด เมื่อมีช่องว่างต้องตีความ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของประชาชน ก็สะท้อนว่าอำนาจอธิปไตยไม่ได้อยู่กับปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริงวิธีแก้คือควรต้องสร้างกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อให้มีความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญ
หากศาลรัฐธรรมนูญเป็นมีคำวินิจฉัยว่า การดำรงตำแหน่งนายกฯ เริ่มตั้งแต่ปี 2557 แต่ปัญหาต้องอธิบายของปวงชนก็ยังไม่จบ เพราะต้องตามมาด้วยการเลือกสรรหายกฯ คนใหม่จากในบัญชีรายชื่อ และอาจมีการคัดเลือกจากนายกฯ คนนอก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐสภาอีก กระทั่งพล.อ.ประยุทธ์ก็ยังกลับมาเป็นนายกรักษาการได้ด้วย ปัญหาจะยังเชื่อมโยงไปถึงการเลือกตั้งว่าจะอยู่ได้ครบเทอมหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนจะต้องจับสัญญาณกันเอง
แต่หากคำวินิจฉัยชี้ว่าวาระการดำรงตำแหน่งของนายกฯ เริ่มในปี 2562 ก็จะมีปัญหาการตีความว่า แล้วก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาก่อนจะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง อำนาจนายกฯในตอนนั้นอยู่ในมือของทหารใช่หรือไม่ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แปลว่าอำนาจอธิปไตยไม่เคยอยู่ในมือประชาชน หรืออยู่ในมือของผู้แทนราษฎรด้วย เพราะยังมีอำนาจ ส.ว. ที่ยังไม่ยอมปิดสวิตช์ตัวเองอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าศาลจะวินิจฉัยให้เริ่มนับจากปี 2560 หรือ 2562 ก็ตาม ปัญหาของอำนาจอธิปไตย
ด้านรองศาสตราจารย์พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)กล่าวว่า ปกติอำนาจอธิปไตยของปวงชน แสดงออกผ่านการเลือกตั้งแต่ 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนเหมือนอยู่ในกรง โดยปี57 เหมือนอยู่ในห้องมืดพอมาถึง ปี60 ปรับเปลี่ยนเอากำแพงห้องมืดออก แต่ยังอยู่ในกรง โดยถูกขังด้วยรัฐธรรมนูญปี60 และมีบทเฉพาะกาลเป็นเครื่องมือในการหน่วงเหนี่ยวประชาชน นอกจากนี้จะเห็นบทบาทของส.ว. เป็นส่วนที่ทำให้กรงขังผนึกให้แน่นขึ้น เพราะเห็นได้ชัดว่าไม่เคยเห็นยกมือให้กับสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
รองศาสตราจารย์พิชาย ระบุว่า ภายใต้ระบบที่กักขังยังมีช่วงที่ผ่อนคลายบ้าง ถ้าคนที่เป็นเจ้าของกรงหลุดจากอำนาจ ซึ่งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ตนมองว่าทางเดียวในการแก้ไขปัญหานี้ได้ คือต้องร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก สิ่งที่น่าเสียใจคือ ส.ส.บางคนที่ประชาชนเลือกมาบางคน พรรคการเมืองบางพรรค เข้าไปสมทบกับแนวคิดที่กักขังไม่ให้ประชาธิปไตยเดินไปได้ ซึ่งประเทศไทยยังอยู่กับแนวคิดเดิมที่สยบให้กับอำนาจของทหาร แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ให้เห็นหลายครั้ง ดังนั้น ภาคประชาชนต้องแสวงหาเส้นทางใหม่ที่จะได้ผลลัพธ์ใหม่ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ประชาชนไม่ค่อยออกมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพราะประชาชนรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการใช้วิธีการนี้
ด้านนายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มองว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญนั้น แตกต่างจากกฎหมายอาญาหรือกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเหมือนข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม ดังนั้นไม่ว่าผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร ควรต้องเป็นไปเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติบ้านเมืองและสังคมเป็นหลัก จะต้องเอาความสงบในทางการเมืองทางออกสำหรับประเทศเป็นหลัก โดยตนยืนยันว่า ยังมีความจำเป็นจะต้องนับ 1 ประเทศไทย ในวันที่ 30 ก.ย.ที่จะถึงนี้เพราะจากพฤติกรรมตลอด 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นว่ามีปัญหาหลายอย่าง
ซึ่งหากไม่นับ 1 หาทางแก้ไขในวันนี้ จะทำให้สังคมยิ่งย่ำแย่ลงไป เพราะเป็น 8 ปีที่เลี้ยงเอาความขัดแย้ง ในทางการเมืองและทางสังคมเอาไว้ จึงจำเป็นต้องเริ่มนับหนึ่งประเทศไทย เรื่องการสรรหาบุคคลเข้ามาทำงานก็เช่นกัน พล.อ.ประยุทธ์ยังเลือกบุคคลโดยยึดเอาความวางใจ ความซื่อสัตย์ พรรคพวก ไม่ได้ยึดเอาความสามารถ หรือความเปิดใจรับความขัดแย้งดังนั้นถ้าไม่เริ่มนับหนึ่งประเทศจะเดินไปสู่ความหมดหวัง ซึ่งตลอด 8 ปี ไม่ได้เปิดประตูให้ประชาชนมีส่วนร่วมอะไรเลยนอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังลีลาศ ชั่งน้ำหนักไปทางนายทุนมากเกินไป ถึงเวลาปรับเปลี่ยนเพื่อคืนกำไรจากนายทุนมาให้ประชาชนบ้าง ควรต้องทำนโยบายโดยการเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews