“อภิสิทธิ์” ประกาศพร้อมลุยเลือกตั้ง-ยุบสภาเร็วทำประเทศสะดุด
“อภิสิทธิ์” ประกาศพร้อมลุยเลือกตั้ง มองชิงยุบสภาเร็ว ทำประเทศสะดุดปม “ชายแดน-น้ำท่วม” จวกฝ่ายหนุนแก้ รธน. กลับเลือกทางที่ทำให้ทุกอย่างเริ่มนับหนึ่งใหม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงยืนยันความพร้อมเต็มร้อยสำหรับการเลือกตั้ง หลังรัฐบาลประกาศยุบสภาอย่างกะทันหัน โดยระบุว่า พรรคได้เตรียมการมาระยะหนึ่ง ทั้งด้านนโยบายและตัวผู้สมัคร แม้เวลาจะจำกัด แต่เชื่อว่าทีมบริหารและผู้สมัครใหม่จำนวนมากที่ต้องการเข้าสู่การเมืองอย่างสุจริต จะทำให้พรรคคัดเลือกผู้แทนได้ “เหมาะสมที่สุด”
สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ สถานการณ์ประเทศ ทั้งการสู้รบตามแนวชายแดน และการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย ซึ่งต้องการ “รัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม” เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมยอมรับว่า “เสียดาย” ที่เกิดการยุบสภาในจังหวะที่ประเทศต้องการเอกภาพทางการเมืองมากที่สุด เพราะรัฐบาลรักษาการจะมีข้อจำกัดทั้งการใช้งบประมาณ การตัดสินใจด้านนโยบาย และยังต้องแบ่งเวลาระหว่างการทำงานกับการหาเสียงเลือกตั้ง
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงประเด็นการเปิดตัวผู้สมัครว่า พรรคยึดตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยต้องรับฟังความคิดเห็นจากสาขาและตัวแทนจังหวัดก่อน คณะกรรมการสรรหาจึงจะเสนอรายชื่อให้กรรมการบริหารพิจารณาอนุมัติ ส่วนการส่งผู้สมัครครบ 400 เขต ยังต้องรอผลการคัดกรองสุดท้าย แม้จะมีผู้แสดงความจำนงจำนวนมากก็ตาม
ส่วนกระแสวิจารณ์ว่ารัฐบาลอาจใช้ช่วงนี้เป็น “รัฐบาลรักษาการยาว” นายอภิสิทธิ์ ย้ำว่า ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายใดรองรับ เว้นแต่ในพื้นที่ที่ กกต. เห็นว่า สถานการณ์ไม่เอื้อ เช่นกรณีจังหวัดศรีสะเกษก่อนหน้านี้ โดยชี้ชัดว่าอำนาจในการเลื่อนหรือกำหนดการเลือกตั้งอยู่ที่ กกต. ไม่ใช่รัฐบาล
สำหรับคำถามว่าพรรคภูมิใจไทยได้เปรียบจากการยุบสภากะทันหันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ไม่ขอตอบโต้ว่าฝ่ายใดผิดข้อตกลง แต่ย้ำว่า “น่าเสียดาย” เพราะหากพรรคการเมืองร่วมมือกัน ผลักดันประเด็นสำคัญของประเทศก่อน ทุกฝ่ายคงไม่ต้องเผชิญสภาวะไม่แน่นอนเช่นนี้ พร้อมเปิดเผยว่า นายกฯ เคยพูดมาตลอดว่าหากฝ่ายค้านขยับอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จะยุบสภา ซึ่งท้ายที่สุดจุดหักเหกลับเกิดจากข้อขัดแย้งในสาระการแก้รัฐธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์ ยังสะท้อนความสับสนในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากฝ่ายที่ต้องการผลักดันการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กลับยอมให้สถานการณ์พาไปสู่การ “เริ่มต้นใหม่” ทั้งหมด โดยชี้ว่า การเสนอให้ ครม. จัดทำประชามติไม่ช่วยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญง่ายขึ้น เพราะตามขั้นตอนจริง แม้ประชามติรอบแรกจะผ่าน ก็ยังต้องทำประชามติอีกครั้งเมื่อแก้มาตรา 256 อยู่ดี
ขณะเดียวกัน หากทุกฝ่ายตั้งต้นจากประเด็น “ปัญหาใหญ่ของประเทศ” แล้วร่วมกันหาทางออก อาจหลีกเลี่ยงความชะงักงันที่เกิดขึ้นได้ แต่เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว ทุกอย่างต้องเดินต่อไปตามกระบวนการ ตามกฎหมายและหน้าที่ของพรรคการเมืองแต่ละพรรคต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





