สู้รบวันที่ 4 กัมพูชาโจมตีเนินภูมะเขือ-ทบ.แจงยิงฐานพระวิหาร
การสู้รบวันที่ 4 เช้านี้กัมพูชาเปิดฉากยิง 2 จุด เนิน 500 ช่องบก และ บ้านโกมุย ภูมะเขือ ขณะ ทบ.ยันเขมรใช้ ปราสาทตาควาย-พระวิการ เป็นฐานทหาร ขัดหลักสากล ไทยโจมตไม่ผิด
สถานการณ์สู้รบไทยกัมพูชา ดำเนินมาถึงวันที่ 4 โดยเมื่อเวลา 05.30 น. มีรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงทหารไทยแล้ว 2 จุด คือ เนิน 500 ช่องบก ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี และชายแดนฝั่งบ้านโกมุย ทิศใต้ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
สำหรับการรบช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา มีรายงานว่า F-16 ของกองทัพอากาศ ปฏิบัติการโจมตี ทิ้งระเบิดแรงสูงใส่เป้าหมายคาสิโน และคลังนํ้ามัน ย่านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ของกัมพูชา ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จนเกิดเพลิงลุกไหม้ขนาดใหญ่ หลังพบว่าตึกคาสิโน และคลังนํ้ามันแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ปล่อยโดรนพลีชีพ คลังเก็บอาวุธหนัก และเติมเชื้อเพลิงให้แก่รถยิง BM-21 ซึ่งเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางทหาร ของฝ่ายกัมพูชา ส่วนที่ประสาทตาควาย ทหารไทยกำลังระดมยิงกระสุนปืนใหญ่ 155 mm. ไปยังฐานที่มั่นทหารกัมพูชาอย่างหนัก
ส่วนพื้นที่กองทัพภาค 1 จ.สระแก้ว หลังเปิดปฏิบัติการเชิงรุก ส่งกำลังทหารราบพร้อมยานเกราะล้อยาง Stryker 8×8 เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณด่านบึงตะกวน ตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา พร้อมกับได้ปักธงชาติไทย วางรั้วลวดหนามหีบเพลงกำหนดเขตป้องกัน มีรายงานว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงปืน ค.ลงข้างยานเกราะสไตรเกอร์ของทหารไทย เบื้องต้นมีทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 10 นาย นำตัวส่ง รพ.ตาพระยาเรียบร้อยแล้ว
สำหรับทหารไทยที่เสียชีวิตคือ พลทหาร ธนรัตน์ จันทร์ประทัด กองกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 กำลังพลสังกัดกองพลทหารราบที่ 11 ตำแหน่ง พลปืนเล็ก สังกัดกรมทหารราบที่ 112 กองพันทหารราบที่ 3 (ร.112 พัน.3)
ขณะที่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณี กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพไทย โจมตีในพื้นที่ปราสาทตาควาย และอ้างถึงการโจมตีของฝ่ายไทย สร้างความเสียหายแก่ปราสาทพระวิหารว่า ประเทศไทยยึดมั่นใน อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ.1954 ว่ากรณีความขัดแย้งทางอาวุธ ซึ่งกำหนดให้โบราณสถาน ต้องได้รับการคุ้มครอง และห้ามการโจมตีหรือการกระทำใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย
ทั้งนี้อนุสัญญาฯ มีข้อยกเว้นที่ระบุไว้ชัดเจนหากมีการนำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตี พื้นที่ดังกล่าวอาจ สูญเสียความคุ้มครองในทางกฎหมายเป็นการชั่วคราว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร
ดังนั้น เมื่อฝ่ายกัมพูชาตั้งใจใช้อาณาบริเวณโบราณสถานเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร รวมถึงใช้เป็นที่ตั้งระบบตรวจการณ์ และที่ตั้งระบบอาวุธยิงเพื่อใช้โจมตีต่อฝ่ายไทย ทำให้พื้นที่ดังกล่าวจึงเข้าข่าย เป็นพื้นที่ที่ “สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว” ตามอนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ.1954
ซึ่งกรณีพื้นที่ปราสาทตาควาย และพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ถูกฝ่ายกัมพูชานำมาใช้ เพื่อการปฏิบัติการทางทหาร โดยใช้เป็นที่ตั้งระบบอาวุธยิง เป็นคลังเก็บกระสุนวัตถุระเบิด และทุ่นระเบิด สำหรับใช้โจมตีทำร้ายฝ่ายไทย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพปรากฏให้เห็นอยู่ตามสื่อโซเชี่ยลได้ทั่วไป จึงควรเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นฝ่ายที่ทำผิดกฎหมายมนุษยธรรม และทำผิดกติกาสากลเอง รวมถึงเป็นฝ่ายที่ไม่เห็นคุณค่าในมรดกทางวัฒนธรรม
ฝ่ายไทยจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะปกป้องภัยคุกคามเหล่านั้นได้ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วน ตามหลักกติกาสากล เป็นไปตามความจำเป็นเนื่องจากจากฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





