Home
|
อาชญากรรม

จักษุแพทย์เตือนภัยเงียบ “โรคจอตาเสื่อม” ในผู้สูงอายุ

Featured Image
จักษุแพทย์เตือนภัยเงียบ “โรคจอตาเสื่อม” ในผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวาน แนะตรวจประจำปี-ควบคุมเบาหวาน-ลดปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ย้ำหากปล่อยปละละเลยเสี่ยงสูญเสียการมองเห็นถาวร

 

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เนื่องใน “วันสายตาโลก” (World Sight Day) บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด ได้จัดงานรณรงค์ส่งเสริมความรู้และการเข้าถึงการรักษาดวงตาอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้งานเสวนา “รอบรู้เรื่องโรคจอตา: รักษาการมองเห็นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” โดย นพ.ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์ จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจอตาและวุ้นตา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของจอตา สัญญาณเตือน การตรวจคัดกรอง และนวัตกรรมการรักษาที่ช่วยควบคุมโรคและคืนคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ป่วย

 

นพ.ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยโรคจอตาในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวานที่มากขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับดวงตา 2 โรคสำคัญ คือ 1.โรคจุดรับภาพชัดจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (nAMD ) และ2.โรคจุดรับภาพชัดจอตาบวมจากเบาหวาน (DME)

 

สำหรับผู้ป่วยโรค nAMD มีประมาณ 25,500 คน จากประชากรอายุ 50 ปีขึ้นไปกว่า 13.8 ล้านคน ซึ่งได้มีการศึกษากลุ่มตัวอย่าง (Population-based study) ใน 42 อำเภอ 21 จังหวัด 10,788 คน มีการสัมภาษณ์ประวัติสุขภาพและครอบครัว ,วัดระดับการมองเห็น และตรวจคัดกรองโรคตาเบื้องต้น รวมถึงการถ่ายภาพจอตาด้วยกล้องดิจิทัล พบว่า มีความชุกโดยรวมของโรคจุดภาพชัดเสื่อมในผู้สูงอายุ (AMD) อยู่ที่ 3 % แบ่งเป็น ระยะแรกเริ่ม (Early AMD) 2.7% และระยะรุนแรง (Late AMD) 0.3% และเมื่อพิจารณาเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยระยะรุนแรง พบว่าเป็น โรคจุดรับภาพชัดจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ ชนิดเปียก (wet AMD หรือ nAMD) ถึง 74.1%

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขประมาณการนี้ยังอาจเป็นไปได้ว่าต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากมีผู้ป่วยบางส่วนที่อาจเป็นโรคแต่ไม่ถูกนับรวมเข้ามาในผลการศึกษา เนื่องจากข้อจำกัดของวิธีการตรวจโดยดูจากการถ่ายภาพจอตา ที่ไม่สามารถทำได้ในผู้ที่มีภาวะต้อกระจกขุ่นมากๆ
ส่วนสถิติผู้ป่วย DME จากการศึกษาในโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโรงเรียนแพทย์ขนาดใหญ่ และเก็บจำนวนการศึกษาผู้ป่วยมากกว่า 1,130 คน พบว่า มีภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (DR: Diabetic Retinopathy) 34.78%

 

ส่วนอีกรายงานการศึกษาพบว่า 33.68% ของผู้ป่วย DR มีภาวะ DME ดังนั้นเมื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาประกอบกันกับคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยเบาหวานในประเทศไทยประมาณ 6.4 ล้านคน จากรายงานของ International Diabetes Federation (IDF) ปี 2025 จึงคาดว่าจะมีจำนวนโรค DME ประมาณ 750,000 คน

 

ทั้งโรค nAMD และ DME ต่างส่งผลต่อจอตา ซึ่งเปรียบเสมือนฟิล์มถ่ายรูปของดวงตา ทำหน้าที่รับภาพและส่งสัญญาณไปยังสมอง โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า ‘จุดรับภาพชัด’ (Macula) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจอตา มีหน้าที่สำคัญในการมองเห็นรายละเอียด เช่น การอ่านหนังสือหรือจดจำใบหน้า โดยโรค nAMD และ DME จะเข้าไปทำลายจุดรับภาพชัดโดยตรง ส่งผลให้การมองเห็นส่วนกลางเสียหายถาวรได้ กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก หากปล่อยปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

“การป้องกันการสูญเสียการมองเห็นที่ดีที่สุด คือการตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี แม้ไม่มีอาการผิดปกติ ส่วนผู้ป่วยเบาหวานถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุดที่อาจเกิดภาวะเบาหวานขึ้นจอตา และ ภาวะจุดรับภาพชัดจอตาบวมจากเบาหวาน ควรได้รับการตรวจจอตาอย่างละเอียดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ควบคู่ไปกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี”

นอกจากนี้ยังขอให้ประชาชนหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพดวงตาทั้งอาหารและบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผู้ป่วย NCDs ขอให้ควบคุมเบาหวาน ความดันโลหิต และไขมัน ทั้งร้องขอให้แพทย์ตรวจสุขภาพดวงตาประจำปีด้วย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube