Home
|
ข่าว

“อนุทิน” ประชุม “สมัชชาอนามัยโลก” หนุนเท่าเทียมสาธารณสุข

Featured Image
“อนุทิน”ประชุมสมัชชาอนามัยโลก หนุนการสร้างความเท่าเทียมสาธารณสุข ขอนานาชาติ ดูแลสุขภาพประชาชนพื้นที่สงคราม ชี้ การสู้รบทำลายสันติ ระบบสาธารณสุข

 

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขณะเข้าร่วมประชุมสมัชชาอนามัยโลก (World Health Assembly : WHA) สมัยที่ 75ระหว่างวันที่ 22 – 28 พฤษภาคม ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งจะมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) ในระดับรัฐมนตรีเข้าร่วม

 

โดยนายอนุทินได้กล่าวถ้อยแถลง ต่อที่ประชุม ภายใต้หัวข้อ การสาธารณสุข เพื่อสร้างสันติภาพ (Health for Peace, Peace for Health) ระบุว่า สุขภาพที่ดีคือความมั่งคั่งที่แท้จริงเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินทอง เมื่อคนเจ็บป่วยเราจะไม่มีความสุข นี่คือ อุปสรรค ในการสร้างสันติภาพ แน่นอนว่า ความร่วมมือและความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้ เมื่อผู้คนมีสุขภาพที่ดี จากมุมมองของประเทศไทย เราภูมิใจในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูง

 

หลักประกันสุขภาพฯ ของไทยได้พิสูจน์แล้วว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข เราสามารถดูแลทุกคนได้อย่างเท่าเทียม และเป็นสังคมแห่งสันติสุขเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราใช้การสาธารณสุข เพื่อให้เกิดสังคมแห่งความเสมอภาค สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นจริง ในประเทศไทย

 

ล่าสุด กับการรับมือโควิด-19 เราได้จัดให้มีสวัสดิการที่จำเป็น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อควบคุมการระบาด อาทิ การตรวจ การรักษา และการรับวัคซีนโควิดผ่านระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นชาวไทยหรือต่างชาติ เราเดินตามแนวทางนี้และเชื่อว่า ไม่มีใครจะปลอดภัย จนกว่าทุกคนจะปลอดภัย” ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยยังคาดหวังจะเห็นการตอบรับ ว่าด้วยสนธิสัญญา จัดการโรคระบาดในปี 2024 ซึ่งจะทำให้แน่ใจได้ว่าโลกจะมีความมั่นคงทางสุขภาพสำหรับทุกคน

 

นอกจากนี้ ถึงเวลาที่ต้องให้ความสำคัญ และตระหนักถึงการควบคุมดูแลพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขอนามัย อาทิ การสูบบุหรี่ การบริโภคแอลกอฮอล์ และปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้คือปัญหาหลักด้านสุขภาพของประชาชน ตนเห็นด้วยกับท่าทีของ ผอ.องค์การอนามัยโลก ในการสนับสนุนแคมเปญส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชน ควบคู่กับการป้องกันโรค

 

ชัดเจนว่า โควิด-19 เป็นวิกฤตของโลก โลกจะรับมือได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเราร่วมมือกันได้มากเพียงใด โดย ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนเมื่อสัปดาห์ก่อนประเทศไทยได้รับฉันทามติจากประเทศสมาชิก ให้ก่อตั้งศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED) ศูนย์นี้จะเป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับภูมิภาคของเราในการรับมือกับความท้าทายทางสาธารณสุขในอนาคต ถือเป็นเรื่องที่น่ายิน ที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกัน

ในระดับนานาชาติ สงครามเป็นภัยคุกคามทางสุขภาพและสุขภาวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เรามีความห่วงใยในวิกฤตทางสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภัยสงคราม ทั้งปัญหาทางร่างกายและจิตใจจึงขอเรียกร้องในที่ประชุมนี้ ให้ร่วมมือกันสนับสนุนการสาธารณสุขที่ยั่งยืนให้กับเพื่อนผู้โชคร้ายของเราที่ต้องจากบ้านเพราะภัยสงคราม การขาดหายไปของสันติภาพคืออุปสรรคของการมีสุขภาพที่ดี มีเพียงความร่วมมือของเราเท่านั้นที่จะเปลี่ยนความเศร้าโศกให้กลายเป็นความหวังได้

เป้าหมายทางสุขภาพของเรานั้นอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ประเทศไทยจะยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับประชาคมโลกเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราจะร่วมมือกัน
เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่ทำสงคราม ทั้งหมด เพื่อให้เราอยู่อย่างมีความสุขและเป็นหนึ่งเดียวกัน ขอย้ำว่า เรื่องความสงบสุขและเรื่องสุขภาพ ทั้ง 2 ต้องมาคู่กัน เราไม่สามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้

สำหรับการประชุมประชุมสมัชชาอนามัยโลก จะเป็นโอกาสที่ผู้แทนประเทศสมาชิกจะได้หารือแลกเปลี่ยนในวาระสำคัญด้านสุขภาพ และสาธารณสุข ที่รองนายกรัฐมนตรีจะได้หารือในเรื่องการเข้าร่วม
BIOHUB ไปจนถึงการขับเคลื่อนสนธิสัญญา เพื่อการควบคุมโรคระบาด และนำเสนอผลสรุปจากกิจกรรมการประเมินสถานการณ์การรับมือกับโควิด-19 ในประเทศไทยซึ่ง WHO ได้เลือกประเทศไทย
ให้เป็นประเทศต้นแบบ ลำดับที่ 3 และในโอกาสนี้ นายอนุทิน จะได้กล่าวแสดงท่าทีในนามของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในวาระการเลือกตั้งผู้อำนวยการใหญ่
องค์การอนามัยโลกในวันที่ 24 พฤษภาคม

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube