ศรีสะเกษ โควิดระบาดรอบ 3 ชาย อายุ 69 ปี เสียชีวิตรายแรก นำศพจาก รพ.เผาทันที
ที่วัดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้มีรถของ รพ.ศรีสะเกษ นำศพของชาย อายุ 69 ปี ที่เสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกจาก รพ.ศรีสะเกษ มายังเมรุเผาศพของวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ รพ.ศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิศรีสะเกษสว่างจิตต์ธรรมสถาน ได้สวมชุด PPE ป้องกันการติดเชื้ออย่างรัดกุม ช่วยกันเคลื่อนศพของชายที่เสียชีวิตที่มีการห่อศพด้วยวัสดุที่ป้องกันการแพร่เชื้ออย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระหว่างการเคลื่อนย้ายศพ นำขึ้นไปบนเมรุเผาศพ จากนั้น ได้ทำการกดสวิทซ์ของเมรุเผาศพทันที โดยใช้เวลาในการเผาศพนานประมาณ 2 ชม.เศษ จึงเสร็จเรียบร้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรครอบบริเวณ ขณะที่พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป ที่มาประกอบพิธีทางศาสนา และญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต จำนวนประมาณ 10 คน ได้พากันนั่งห่างจากเมรุเผาศพ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเมื่อเผาศพเสร็จแล้ว ได้เก็บอัฐิ เพื่อที่จะได้นำกลับไปบ้านเกิด ประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผอ.รพ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ชาย อายุ 69 ปีคนนี้ นับว่าเป็นผู้เสียชีวิตรายแรก ซึ่งเป็นผู้ที่เสียชีวิตกลุ่มผู้สูงอายุจาก อ.กันทรารมย์ ที่ถูกส่งตัวมาเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ป่วยเองมีโรคประจำตัวคือ โรคหัวใจพิการ แพทย์ พยาบาล ได้พยายามให้การรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตไว้ได้
โดยขณะนี้มีผู้ป่วยอาการหนักเพราะติดเชื้อโควิด-19 พักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู รพ.ศรีสะเกษ จำนวน 11 ราย ตนจึงขอเชิญชวนให้ประชาชนชาวศรีสะเกษได้ลงทะเบียนกับ อสม. และ รพ.สต.ทุกแห่ง เพื่อจะได้จองคิวมาทำการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้
ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จ.ศรีสะเกษ ระบุว่า ผู้ป่วยในวันนี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 2 ราย สะสม 249 ราย เสียชีวิต 1 ราย รักษาหายเพิ่มวันนี้ 3 ราย รักษาหายสะสม 154 ราย ยังรักษาอยู่ 94 ราย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
