fbpx
Home
|
ภูมิภาค

น้องชายพระบิดายันถ้าพี่ทำผิดก็รับโทษติดคุก

Featured Image
น้องชายพระบิดายันถ้าพี่ทำผิดก็รับโทษติดคุก แต่ถ้าไม่ได้ติดคุกยังไงก็ไม่กลับบ้านมาให้เจอ เพราะตามนิสัยเป็นคนเด็ดเดี่ยว

 

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านโนนสะอาด หมู่ 1 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนายทองทิพย์ อายุ 62 ปี น้องชายของ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หรือที่ลูกศิษย์เรียกว่าพระบิดา โดยยังคงไม่พบตัวพระบิดา หลังจากที่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวจากศาลจังหวัดภูเขียว

 

นายทองทิพย์ กล่าวว่า ยืนยันกับว่ายังไม่ได้เจอกันตั้งแต่หลังจากที่ประกันตัวออกมา และไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด หรือไปอยู่กับลูกศิษย์คนไหน เพราะเป็นคนเด็ดเดี่ยวเหมือนตนเอง เชื่อว่าถ้าไม่อยู่กับลูกศิษย์ก็คงอยู่ในป่าหรือตามถ้ำต่างๆ ตามนิสัยของฤๅษี ในส่วนของโทษนั้นหากต้องติดคุกเชื่อว่ายังไงก็ต้องกลับมารับโทษตามกฎหมาย

 

ซึ่งก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่หากโทษไม่ถึงขั้นที่จะต้องติดคุก เชื่อว่ายังไงก็ไม่กลับมาที่บ้าน คงไปอยู่อาศัยในถ้ำเหมือนเดิม โดยมีลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาติดตามไป ทั้งนี้ภายหลังจากเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น

 

ครอบครัวก็ไม่ได้รับผลกระทบเพราะไม่ได้เกี่ยวกับทางคดี ชาวบ้านทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีใครมาถามเกี่ยวกับตัวนายทวี อาจจะเพราะเกรงใจไม่กล้าถามก็ได้ เพราะส่วนใหญ่ก็คงจะทราบรายละเอียดต่างๆ จากข่าวแล้ว

 

“ในเรื่องของข้าวเกรียบ กับ แจ่วบองนั้น เห็นเพียงข้าวเกรียบ แต่เป็นการซื้อวัตถุดิบข้าวเกรียบแห้งจากที่อื่นมาทอดบรรจุใส่ถุงขาย ไม่ได้ทำขึ้นเอง ส่วนแจ่วบองนั้นเพิ่งจะเห็นจากข่าวเมื่อคืน เมื่อก่อนไม่เห็น อีกทั้งเมื่อก่อนตรงโรงครัวที่มีการถ่ายภาพออกข่าวที่มีโอ่งเรียงรายกันเยอะๆ นั้น

 

ซึ่งมีโอ่งอยู่หนึ่งใบเป็นที่เก็บขยะเปียก แต่มาเห็นในข่าวบอกว่าเป็นโอสถเป็นน้ำที่ให้ลูกศิษย์กิน ในประเด็นนี้ตนเองก็ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่จริง แต่ตั้งข้อสงสัยว่า บริเวณนี้มีรอยเท้าคนเข้าไปหรือไม่หรือมีรอยเท้าเคยเข้าไปกินหรือไม่ แล้วพอมีข่าวออกมาใครให้ข้อมูลหรือพากันไปวิเคราะห์เอาเอง”

 

นายทองทิพย์ กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ห่วงในเรื่องของลูกศิษย์ที่ติดตามพระบิดา ซึ่งมีคนหนึ่งที่มาตั้งแต่ตอนอายุ 5 ขวบ มากับพ่อที่ป่วยเป็นพิษสุราเรื้อรังและเสียชีวิต เพราะหากกลับไปจะมีที่อยู่หรือไม่ บ้านยังอยู่เป็นหลังอยู่หรือเปล่า หรือมีญาติต้อนรับหรือไม่ หรือกลับไปแล้วไม่มีใครต้อนรับกลายเป็นปัญหาครอบครัว เพราะผู้หญิงคนนี้ยังไงก็ยืนยันจะตามพระบิดาไปทุกที่

 

จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าใครจะกลับบ้านก็จะจัดรถรับส่งเพียงอย่างเดียวอยากให้ลงไปดูปัญหาสภาพความเป็นอยู่หลังจากนี้ด้วย

 

“ในส่วนของหมอปลานั้น คือไม่มีทักษะ ก่อนจะเข้าไปควรมีการตรวจเช็กก่อนว่ามีใครอยู่บ้างผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่อรู้และเข้าไปก็ควรตรวจ ATK สแกนวัดอุณหภูมิ คัดกรองคนทีละส่วนๆ แต่ที่ทำกันคือเดินมั่วเข้าไป หมอปลาพาไปไหนก็ไป วันที่ตนเองไป

 

ล่าสุดนั้นบอกเลยว่า ติ๊งต๊องทั้งผัวทั้งเมีย เมียชูนิ้วกลางทั้งวันให้กับยายลำไย ตนเองมองว่ามันติ๊งต๊อง ชอบแต่ความรุนแรงยั่วยุให้คนเสียสมาธิ แล้วหาเรื่อง แต่สำหรับตนเองแล้วหาเรื่องไม่ได้ เจอตนเองโต้กลับจนเมียต้องลากหนีไปก่อน ไม่งั้นก็คงจะได้มีเรื่องกันยาว มองว่าวิธีการนี้ไม่ฉลาด อยากให้เปลี่ยนวิธีการเข้าใหม่ ใช้การประณีประนอมแทนการใช้ความรุนแรง คือถ้าเจอปัญหาก็หาแนวทางแก้ไขจะดีกว่า

 

อีกเรื่องคือเรื่องโควิด รู้ว่าเค้าไม่มีการป้องกันเรื่องโควิดก็ไปด่าเขาเฉย ทำไมไม่หาหน้ากากมาให้ใส่ หรือหาที่ตรวจวัดอุณหภูมิมาวัด ว่ามีไข้หรือเปล่า ทำไมไม่ประสานหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ หรือ อสม.ในหมู่บ้านมาช่วย”

 

นายทองทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝากอีกครั้งหากจะเข้าทลายที่ใดๆ ก็ควรเข้าทลายด้วยความเป็นธรรม และจิตใจอ่อนโยนด้วย ไม่ใช่หาแนวทางเอาชนะอย่างเดียว จากเมื่อก่อนที่ตนเองเคยศรัทธาเคยชอบตอนที่เป็นมือปราบสัมภเวสี แต่ตอนนี้บอกตรงๆ ว่าเดินผ่านก็ไม่อยากจะมองหน้า มอซอยิ่งกว่าอะไรดี บอกว่าตรงนี้สกปรก แต่ตัวเองใส่รองเท้าแตะเท้าดำ การป้องกันตัวเองยังไม่มีเลย มีดีแต่คำพูดกับค่านิยมของคนเท่านั้น พอมาใช้แนวทางนี้มองแล้วไม่เป็นงานเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube