fbpx
Home
|
ภูมิภาค

สาวใหญ่ปลอมเป็นสายบุญตีเนียนยืมเงินอื้อ

Featured Image
สาวใหญ่ปลอมเป็นสายบุญตีเนียนขอยืมเงินจากพระสงฆ์และชาวบ้าน สูญร่วมแสน พบประวัติก่อเหตุโชกโชน ตำรวจเร่งล่ามาดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น น.ส.เจษฏาภรณ์ อายุ 49 ปี ชาว จ.อุดรธานี นำหลักฐาน ซึ่งเป็นเอกสารสลิปการโอนเงินจากแอปของธนาคาร โอนผ่านโทรศัพท์มือถือไปเข้าบัญชีของ น.ส.จู (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ประเจน สุนันท์ รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.จู หลังถูกโกงเงินไปรวมกว่า 70,000 บาท

น.ส.เจษฏาภรณ์ กล่าวว่า ตนเองนั้นเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่วัดโพธิ์กลางบ้านเกิ้ง อ.บ้านไผ่มากว่า 11 ปี มีลูกศิษย์ ลูกหามาร่วมกันทำบุญ ทำทาน ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาที่วัดแห่งนี้มาตลอด จนกระทั่งวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าอาวาสวัดโพธิ์กลางบ้านเกิ้ง เดินทางไปที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ใน อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี จึงได้แวะเยี่ยมที่บ้าน โดยมีคนขับแท็กซี่และ น.ส.จูติดรถมาด้วย วันนั้นจึงได้รู้จักกับ น.ส.จู ซึ่งเหมือนกับการรู้จักสายบุญคนอื่นๆ แต่ก่อนเดินทางกลับ น.ส.จูได้ขอเบอร์โทรศัพท์ จึงให้ไป ต่อมาวันที่9 ก.ย. น.ส.จู โทรศัพท์มาหา ขอยืมเงินจำนวน 4,000บาท บอกว่า เอาไปใช้หนี้ จึงได้โอนให้ จากนั้นก็มีการยืมมาเรื่อยๆ บางวันยืม 2 ครั้ง มีทั้งค่าน้ำค่าไฟ ค่าคนงาน ค่าอาหารการกิน รวมทั้งหมดร่วม 70,000บาท ซึ่งการโอนผ่านแอปของธนาคารผ่านโทรศัพท์มือถือนั้น จะมีหลักฐาน แต่ที่เอาเป็นเงินสดไม่มีหลักฐาน

” ก่อนที่จะให้ น.ส.จู ยืมเงินนั้น ได้สอบถามมายังเจ้าอาวาสวัดว่า จะต้องให้ยืมหรือไม่ ซึ่งเจ้าอาวาสบอกว่า ถ้าจะช่วยคนที่กำลังล้ม ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด จึงตัดสินใจช่วยด้วยการให้ยืมเงินมาตลอด เพราะคิดว่าเป็นสายบุญของทางวัด เป็นลูกศิษย์ของเจ้าอาวาส โดยไม่เคยคิดว่านางสาวจูจะมาโกงเอาเงิน เพราะเท่าที่คุยกันทางโทรศัพท์ทราบว่า น.ส.จูเคยมีสามี ทำงานอยู่ที่การไฟฟ้า แต่สามีเสียชีวิตแล้ว จึงได้กลับมาอยู่บ้าน ที่บ้านทองหลาง ต.บ้านหว้า อ.เมืองขอนแก่น ทำอาชีพขายผ้าไหมออนไลน์ และชอบทำบุญทำทาน หลังสามีตายมีเงิน20 ล้านบาท เอามาปล่อยกู้ แต่ถูกโกง จนหมดตัว และกลายเป็นหนี้ จึงต้องดิ้นรน หาเงินมาเลี้ยงตัวเองเพื่อความอยู่รอด

โดยส่วนตัวก็รู้สึกเห็นใจ และให้การช่วยเหลือ ให้ยืมเงินมาตลอด โดย น.ส.จู บอกว่าจะไปขายที่ดินของสามีในกรุงเทพฯจำนวน 8,500,000บาท เมื่อขายได้แล้วก็จะเอาเงินมาใช้หนี้”

น.ส.เจษฎาภรณ์ กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงที่การโกงเงินยังไม่ถูกเปิดเผยนั้น น.ส.จู ได้มาที่วัด และลงชื่อในแผ่นทอง เพื่อเป็นเจ้าภาพในการสร้างกุฏิสงฆ์ จำนวน 500,000บาท แต่ยังไม่จ่ายเงินให้วัด ในส่วนของการยืมเงินไปนั้น น.ส.จูก็มีการนัดจ่ายเงินคืนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เคยได้คืน ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.จูโทรศัพท์มาแจ้งว่าจะโอนเงินมาให้ 3 ล้าน โดยแบ่งเป็นซื้อที่ดินสร้างวัด 2 ล้านบาท อีก 1 ล้านแบ่งเป็นสร้างหน้าบันกุฏิสงฆ์วัด จำนวน 500,000บาท อีก 500,000บาท มอบให้เจ้าอาวาสฯ ตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือพระสงฆ์ที่มรณภาพ ใน อ.บ้านไผ่ แต่เมื่อถึงวันนัดโอนเงิน ก็หายไป และไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้แจ้งกับเจ้าอาวาสวัดว่าจะตามหา น.ส.จู เพื่อขอเงินคืน ถ้าไม่ได้คืนจะแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้ทำการจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่นายสุชาติ อายุ 43 ปี ชาวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในวันที่พาเจ้าอาวาสไปสำนักปฏิบัติธรรมที่อ.กู่แก้ว ตนเองเป็นคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าว โดยไม่รู้จักกับ น.ส.จูเป็นการส่วนตัว เพียงแต่ น.ส.จู ได้โทรศัพท์ไปที่ศูนย์บริการรถแท็กซี่ ให้มารับที่หอพักในเมืองขอนแก่น ไปทำบุญที่วัดที่ อ.บ้านไผ่ จากนั้นท่านเจ้าอาวาสได้ว่าจ้างให้ไปที่ จ.อุดรธานี น.ส.จู จึงขอติดรถไปด้วย

“ทุกคนรู้จักกัน แต่ไม่รู้ว่ามีการคุยส่วนตัวอะไรกัน เพราะผมเองก็ต้องขับรถแท็กซี่ หารายได้ กระทั่งได้รับการติดต่อจากเพื่อนที่ขายผ้าไหมอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ว่า น.ส.จูยืมเงิน7,000บาทไม่คืน และก็ทราบจาก น.ส.เจษฏาภรณ์ อีกว่า ถูกยืมเงินไปร่วม 70,000 บาท ทั้งยังทราบจากเพื่อนที่ อ.มัญจาคีรีอีก 2 คนว่า ถูก น.ส.จูยืมเงิน จึงสังหรใจว่าทำไมคนรอบตัว น.ส.จู จึงมีแต่คนที่ถูกโกงเอาเงินไป และขณะนี้ทุกคนกำลังทยอยแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube