Home
|
อาชญากรรม

สอบสวนกลาง กวาดล้างผู้ค้าอาวุธปืนผ่านโซเชียล

Featured Image
พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย กล่าวว่า กรณีแรกเป็นปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลักลอบซื้อขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยสนธิกำลังเข้าตรวจค้นสถานที่ที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มซื้อ-ขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ 21 จุด ใน 12 จังหวัด

 

 

 

 

 

 

โดยปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 ราย และเหตุซึ่งหน้า 7 ราย ประกอบไปด้วย ในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งผู้ต้องหากระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถจับกุมได้ที่บ้านพักใน จ.พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้น พบอาวุธปืนจำนวนมาก แต่เป็นปืนที่มีทะเบียนถูกกฎหมายจึ งไม่ได้ทำการตรวจยึดแต่อย่างใด ส่วนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เจ้าของคดีดำเนินคดีแล้ว

 

 

 

ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนในทางคดี พบว่า นายอภิเชษฐ์ เป็นผู้ขายเครื่องกระสุนปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์และจำหน่ายพร้อมจัดส่งเครื่องกระสุน .38 ให้กับเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพบว่าได้ไปส่งมอบกระสุนปืน ให้แก่เยาวชนผู้ก่อเหตุในวันเดียวกัน ก่อนที่ตอนเย็นเยาวชนคนดังกล่าวจะลงมือก่อเหตุ สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถตรวจยึดของกลางได้เป็นอาวุธปืน จำนวน 12 กระบอก

 

 

 

และกรณีที่ 2 เป็นปฏิบัติการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 8 ราย ได้แก่ นายสุวิจักขณ์ นายวรวุฒิ นายก้องเกียรติ นายพงศ์วรินทร์ นายเตชินท์ นายนันฐวุฒิ นายจักรพันธ์ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

 

 

 

โดยสืบเนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีคนร้ายที่ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในห้วงเดือนพฤศจิกายน 2566 นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 10 ราย ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้นได้ทั้งสิ้น 8 ราย

 

 

 

จากการซักถามปากคำผู้ต้องหา พบว่าผู้ต้องหา 5 ราย ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนสร้างเพจเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ เพื่อประกาศขายอาวุธปืน แบลงค์กัน ปืนปากกา เครื่องกระสุนปืน ขึ้นมา เพื่อหลอกลวงประชาชนที่มีความสนใจเกี่ยวกับอาวุธปืน โดยที่ไม่มีอาวุธปืนจริง ๆ เมื่อประชาชนหลงเชื่อก็จะโอนเงินเพื่อซื้อขายอาวุธปืน แต่ปรากฏว่ากลายเป็นการโอนเงินเปล่า เพราะผู้ต้องหาไม่มีอาวุธปืนอยู่จริงและเชิดเงินหนี

 

 

 

 

ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 3 ราย ได้แก่นายก้องเกียรติ / นายนันฐวุฒิ / และนายเตชินท์ ให้การรับสารภาพว่า  เป็นผู้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือบัญชีม้า เพื่อรับโอนเงินจากการกระทำความผิดให้กับขบวนการดังกล่าว

 

 

 

จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่า ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้นทั้ง 10 ราย ได้ก่อเหตุฉ้อโกงหลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วมากกว่า 180 คน รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินมากกว่า 655,000 บาท ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย อยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ กล่าวต่อว่า กรณีที่ 3 เป็นปฏิบัติการปิดกั้น URL ที่มีการประกาศขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์

 

 

 

โดยตลอดเดือนพฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อปิดกั้นเว็บเพจเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ที่มีการประกาศขายอาวุธปืน แบลงค์กัน ปืนปากกา ปืนไทยประดิษฐ์ และเครื่องกระสุนปืน โดยได้ทำการปิดกั้นไปแล้วทั้งสิ้น 146 URL แบ่งเป็น URL Facebook จำนวน 48 URL // และ URL Twitter จำนวน 98 URL ซึ่งทางตำรวจ ปอท. ยังคงจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันและปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีการโพสต์ประกาศขายอาวุธปืน ป้องกันการนำไปก่อเหตุอาชญากรรมต่อไป

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube