Home
|
ข่าว

นายกฯยันเห็นโฉมครม.ใหม่เร็วนี้

Featured Image
นายกฯ ระบุ ปรับครม.เร็วที่สุด ขอบคุณรัฐมนตรีทุกคน ไม่สนพรรคเล็กแถลงขอเก้าอี้รมต. ย้ำ เป็นเรื่องหัวหน้าพรรคใหญ่คุยกัน

พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าการปรับ ครม. จะได้เห็นโฉมหน้ารัฐบาลบิ๊กตู่ 2/3 เมื่อใด ว่า จะเกิดขึ้นใน เร็วนี้ ซึ่งได้มีการหารือกับพรรคการเมืองไปหมดแล้ว สุดท้ายตนในฐานะนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจ คาดว่าจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด ซึ่งวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้งรักษาการชั่วคราว เพื่อประสานงานเดิมให้เดินหน้าจนกว่ามีรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามา

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้าย ว่า ในส่วนอื่นๆ ตนได้ขอบคุณรัฐมนตรีทุกคนในคณะรัฐมนตรีที่ทำงานร่วมกันมา ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทุกกระทรวง

เมื่อถามว่ามีข่าวว่านายกรัฐมนตรีแจ้งต่อที่ประชุม ว่า การ ปรับครม. จะเสร็จปลายเดือน มี.ค.หรือต้นเดือนเม.ย.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า ก็รอสิปลาย มี.ค. ต้น เม.ย. ก็จะทำให้เร็วที่สุด ทำไมต้องแปลคำพูดเป็นอย่างอื่น จบความหมายตรงนี้แล้วทำไมต้องอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำไมไม่เข้าใจ ส่วนจะปรับเพียงตำแหน่งที่ว่างลงหรือไม่นั้น ก็กำลังคิดอยู่

ส่วนมีพรรคร่วมแสดงเจตนารมณ์มาบ้างแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ยังไม่มี ถ้าจะมีเขาก็บอกมาเอง ตอนนี้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคก็ยังไม่มี วันนี้ขัดแย้งกันเยอะอยู่แล้วอย่าอะไรกันอีกเลย ซึ่งคิดว่าตนสามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ดี ทั้งการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งตนอยู่ในอำนาจบริหารก็ต้องบริหาร ส่วนนิติบัญญัติและตุลาการก็แยกกัน

เมื่อถามย้ำว่า ที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้คุยกับพรรคร่วมแล้วแสดงว่าโควต้าทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่

ส่วนกรณีที่มีพรรคเล็กรวมตัวแถลงข่าวขอเก้าอี้รัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็แถลงไป เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคขนาดใหญ่เขาคุยกัน

ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้สื่อข่าว ว่า ไม่ได้อารมณ์เสีย เธอบอกฉันเครียดๆ เครียดเพราะอะไร เครียดเพราะคำถามเธอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าจะมีการปรับปรุงกฎหมายหลายแบบให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ได้มุ่งที่จะใช้ในการลงโทษใคร เพราะมีกฎหมายอาญาอยู่แล้วแต่จะทำอย่างไรให้การลงโทษต่างๆเกิดความเป็นธรรม และต้องทำให้คนไทยทุกคนรู้จักกฎหมายซึ่งอยากให้ทุกคนเข้าถึงกฎหมายเหล่านี้ หากใครไม่ได้ทำความผิดก็ไม่ต้องกลัวอะไร ซึ่งรัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคุ้มครองสิทธิ์ แม้จะมีการกระทำผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการคุ้มครอง แต่อยู่ที่ว่าจะมีความสำนึกผิดหรือมีพฤติกรรมอย่างไรตนไม่สามารถไปก้าวล่วงได้เพราะหน้าที่รัฐบาลอยู่ฝ่ายบริหารและในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกคนและขอให้ปลอดภัยจากโควิด-19 และขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว

นายกฯ ปัดตอบกลุ่ม ReDemนัดชุมนุม 6 มี.ค.นี้ ย้ำไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้น

พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่ม ReDem นัดหมายชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค.นี้ และมีอีกกลุ่มเห็นต่างจะนัดหมายชุมนุมเช่นกัน และจะต้องมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงกลุ่ม ReDem ที่อ้างว่าไม่มีแกนนำ เพิ่มเติมหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถาม และกล่าวเพียงว่า เรื่องการชุมนุมก็ให้เป็นเรื่องของการชุมนุม ตนไม่ขอตอบ เพราะทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ นายกนัฐมนตรี กล่าวช่วงหนึ่งในการแถลงข่าว ว่า วันนี้เรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศหลายอย่างดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นมาตรการของรัฐ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตัวเลขการสั่งจองโรงแรมต่างๆสูงขึ้นรวมทั้งมีการใช้มาตรการคนละครึ่งและเที่ยวด้วยกัน ซึ่งจะมีโครงการทยอยออกมาตามลำดับ ดังนันวันนี้ขอความร่วมมือและความเข้าใจกับประชาชนทุกคนอันเป็นที่รักยิ่งของตนในการช่วยกันทำให้ประเทศชาติเราเข้มแข็ง อย่ามุ่งหมายที่จะทำร้ายกัน เพราะไม่ถูกต้อง

โดยประเทศไทยเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยของพวกเรามายาวนาน ประกอบอาชีพมายาวนาน ดังนั้นอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ตนไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น ตนดำรงตนในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารัฐบาลด้วยเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นในการนำพาประเทศชาติของเราให้ปลอดภัย สงบสุข มีเสถียรภาพ ทั้งในเรื่องของความมั่นคง เรื่องเศรษฐกิจ สังคมและเรื่องการเมืองต่างๆ ซึ่งวันนี้ตนก็พูดกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ขอบคุณในความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจที่ทำให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จในระดับเป็นที่น่าพอใจ

 

พล.อ.ประยุทธ์ เน้นย้ำ ทุกกระทรวงปฏิบัติภารกิจทุกโครงการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยืนยันไม่ยอมรับเรื่องการทุจริต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานปฏิบัติภารกิจทุกโครงการ โดยอาศัยพื้นฐานธรรมาภิบาลเป็นแนวทาง และทุกอย่างต้องทำด้วยความโปร่งใสสุจริต ตรวจสอบได้ และมีความรับผิดชอบ ตามหลักประชาธิปไตย ทั้งนโยบายขับเคลื่อนและผู้ปฏิบัติทุกคนจะต้องทำงานในเชิงรุก การกำหนดเป้าหมายชัดเจน ทุกโครงการจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน โดยต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกมิติ

โดย นายกรัฐมนตรี ระบุถึงการค้าการลงทุนว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบทุกประการ และต้องระมัดระวังการทุจริต พร้อมยืนยัน ว่า ตนไม่ยอมรับเรื่องการทุจริต ตนในฐานะผู้สั่งนโยบายได้ย้ำเตือนเสมอ ว่า คนต้องทำงานด้วยความโปร่งใสและสุจริต ซึ่งในวันที่ 23-25 มี.ค. นี้ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ oecd จัดการสัมมนาเปิดเวทีแลกเปลี่ยน ต่อต้านการทุจริตและส่งเสริมความซื่อสัตย์ ซึ่งมีผู้นำจากทั่วโลกเข้าร่วม หลังการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นี่คือเจตนารมณ์ของตน ในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาล แก้ไขเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งมีอยู่ 2 เรื่อง คือ การเสนอผลประโยชน์ และการเรียกรับผลประโยชน์ หากมีหลักฐานจะต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งวันนี้สำนักงาน กพร.ได้ร่วมมือกับ oecd ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ  ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุด โดยตนได้เป็น 1 ใน 14 ผู้นำที่ถูกเชิญให้กล่าวเปิดงานสัมมนาปีนี้ ซึ่งต้องทำให้ตัวเลขการประเมินของประเทศเพิ่มขึ้นให้ได้ โดยยอมรับว่าหลายอย่างมีหลายตัวแปร ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนในการพัฒนาประเทศ และส่งผลทางอ้อมกับชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน จึงต้องช่วยกันรักษาสิทธิ์ของตัวเอง ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และประชาชนต้องร่วมมือไม่ปฏิบัติในสิ่งที่ผิดกฎหมาย อย่าให้เกิดการสมยอมกันเด็ดขาด

ด้านการแจ้งข้อมูลการกระทำผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การแจ้งข้อมูลเข้ามามีจำนวนลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องทั้งหมดไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องบ่อน การพนันและการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทุกเรื่องตนได้สั่งการเน้นย้ำ ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และดำเนินตามกฎหมายอย่างรัดกุม

ส่วนเรื่องการขาดแคลนห้องเย็นเยือกแข็งที่มีการนำไปโจมตีอยู่ในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า วานนี้ (1 มี.ค.64) ได้มีการพิจารณาในที่ประชุม eec โดยปัจจุบันห้องเย็นเยือกแข็งมีอยู่หลายแสนตัน ไม่ใช่ไม่มีเลย และกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอมาในหลายพื้นที่ โดยตนไม่อยากให้เอาไปบิดเบือน ว่าขณะนี้ยังไม่มี จึงเป็นเพียงความคิดเห็นของเขา นำเรื่องเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ทำอยู่แล้ว พร้อมขอสื่อมวลชนให้ช่วยกันชี้แจงเพิ่มเติม

 

นายกฯ ยืนยัน ไม่มีนโยบายให้กักตุนวัคซีนโควิดให้ใคร ย้ำคกก.กระจายวัคซีนแต่ละจังหวัดต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การเปิดเผยในสื่อออนไลน์ กรณีการจัดส่งวัคซีนโควิด-19 ที่กระจายไปในแต่ละจังหวัด แล้วปรากฏว่ามีการกักตุนวัคซีนไว้ ให้สำหรับบุคคลระดับ VIP ของแต่ละจังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้มีนโนบาย จะต้องฉีดให้กับบุคลากรทางแพทย์ก่อน ยืนยันว่าไม่ได้มีนโยบายให้เก็บหรือกักตุนวัคซีน โควิด-19 ไว้ให้กับใคร ทั้งนี้ต้องวางแผนให้ดี เพื่อให้การฉีควัคซีนเป็นไปตามแผนที่กำหนด ตามจำนวนวัคซีนที่มีอยู่

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็นเรื่องของคณะกรรมการกระจายวัคซีนประจำจังหวัด ที่จะต้องดำเนินการกระจายวัคซีนด้วยความเป็นธรรม ตามที่กำหนดไว้แล้ว ซึ่งเราต้องดูแลประชาชนไปด้วย รวมถึงผู้มีกลุ่มเสี่ยง เช่น บุคคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ท่องเที่ยว

โดยนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ในช่วงแรกจะมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะวันนี้วัคซีน มีมาในจำนวนจำกัด แต่ในระยะต่อไปก็จะดีขึ้นเอง ขณะเดียวกันได้อนุมัติงบประมาณในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ล๊อต 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะฉีดให้ครบ 60% ของคนในประเทศ เพราะฉะนั้นคำว่า 60 % ของคนในประเทศก็คือ 60% ของจำนวนคนที่ต้องฉีด แต่ไม่ถึง 66 ล้านคนอยู่แล้ว เพราะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เมื่อตัดตรงนี้ออกไปจะไม่ถึง 66 ล้านคน ขอให้ดูตัวเลขตัวสุดท้าย

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการจัดหาและฉีดวัคซีน การดำเนินการอะไรก็ตามเป็นเรื่องของแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดที่จะต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมให้ได้มากที่สุด ตนยืนยันไม่มีนโยบายที่กักเก็บหรือกักตุนไว้ให้ใคร แต่จำเป็นต้องวางแผนการแจกจ่ายการฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามกำหนดตามจำนวนที่มีอยู่

นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้การฉีดวัคซีนครั้งแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอบคุณทุกคนที่เสียสละในครั้งนี้

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้สั่งการให้เข้มงวดการต่อพาสปอร์ตให้มากยิ่งขึ้น ตนไม่อยากให้มีคนต่างประเทศที่เข้ามาแล้วสร้างความเสียหาย มีผลกระทบกับประเทศไทยโดยรวม โดยได้ย้ำเตือนกระทรวงต่างประเทศในที่ประชุมไปแล้ว

 

นายกฯ เผย พรบ.กิจการโทรคมนาคมได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว จ่อสรรหาคกก.ชุดใหม่ ใน 15 วัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุและกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่4) พ.ศ.2564 ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายใหม่ และดำเนินการสรรหาคณะกรรมการชุดใหม่ ใน 15 วัน และหวังว่าจะได้คนที่ดีๆเข้ามาทำงาน และต้องผ่านจากสมาชิกวุฒิสภาหรือ สว.ให้ความเห็นชอบ ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่เข้าไปแทรกแซงตรงนี้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปยังไปรษณีย์ไทยให้ดูเครื่องมือ เอกซเรย์การส่งพัสดุ เนื่องจากปัจจุบันมีการส่งพัสดุผิดกฎหมาย ซึ่งตนได้มอบแนวทางไปปฏิบัติแล้ว แต่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube