MOU43 – แผนที่1:2แสน – ศาลโลกจุดสลบ “ฮุนเซน-อิ๊งค์ ” ศึกเขมร
ประเด็น MOU43 ที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีกครั้ง ถือเป็นอีกหนึ่ง “ประเด็น”ที่สับสนมานาน ไม่น้อยไปกว่า ปม ผลการประชุม กรรมาธิการร่วมชายแดน JBC ที่สรุปออกมาคนละทาง ระหว่าง ไทย-กัมพูชา จน ฝ่ายไทยถูกมอง ว่าเพลี่งพล้ำให้กับ ฝ่ายเขมร ทั้งในเชิงเนื้อหาเจรจา และ การแก้เกม “สงครามข่าวสาร” ไม่ว่าจะเป็น การไม่ให้ค่า การเจรจาทวิภาคีผ่าน JBC ด้วยการนำปม 4 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ไปยื่นฟ้องศาลโลก15มิ.ย.ที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นวันสัญลักษณ์ที่ไทย แพ้คดี “ปราสาทเขาพระวิหาร”ปี 2505 หรือ การ เคลมว่าฝ่ายไทยโอเคกับ การใช้ขนาดแผนที่ 1:200,000 โดย ปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ที่อ้างว่าไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว โดยอ้างถึงว่า เอกสารกฎหมาย และแผนที่ที่ตกลงกันตามที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 หรือ MOU43 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ค.ศ. 1907 เพื่อดำเนินการรังวัดและปักปันเขตแดน
ในขณะที่ฝ่ายไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศมีการแถลงหลังจากที่ถูกฝ่ายเขมรเคลมไปกว่า 7 ชั่วโมง ตอบโต้ประเด็นมีมีการกล่าวหา ทั้งปมการป้องกันตัวจากที่เขมรโจมตีก่อน ,ทั้งแสดงความผิดหวัง ที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ ที่ไทยให้บทบาทเวที JBC ในการทำให้มีเขตแดนชัดเจนระหว่างกัน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย โดยย้ำการยึดมั่นใน MOU 2543 ที่เขมรเห็นชอบร่วมกับไทย โดยไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
และไม่ได้มีการหารือปมเขมรจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ ICJ รวมถึงปมแผนที่ 1:200000 คณะกรรมการปักปันสยาม – อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด
น่าสนใจที่ว่า แม้จะมีการอ้างว่าไม่มีการคุยเรื่อง ปมแผนที่ในวงประชุม JBC แต่หลายฝ่ายในไทย ยังกังวลถึงการอ้าง MOU43 ในประเด็นขนาดแผนที่ 1:200,000 ทั้งที่ฝ่ายกองทัพภาคที่2ของไทย เคยระบุว่า เขมร ฝ่าฝืนMOU43มากกว่า 400ครั้ง โดย มีการวิเคราะห์ว่า MOU43 อาจเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา อย่างที่ “คำนูณ สิทธิสมาน” อดีตสว. โพสต์FBจั่วหัว “ว่าด้วยแผนที่ 1 : 2 แสน ถูกข่มขืนมาตั้งแต่ปี 2505 แต่กลับพลีกายให้อีกในปี 2543 จะบอกคนไทยทั้งประเทศว่าไง”
โดยระบุว่าปมแผนที่1 : 200,000 คือ “ตัวการ” ที่ทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหารบนศาลโลก ICJ เมื่อ 63 ปีแล้ว ซึ่ง“ศาลโลก” ใช้หลักกฎหมายปิดปากให้ไทยว่ายอมรับโดยปริยายว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา จากการแสดงออก 2 ประเด็น คือ การยอมรับแผนที่อัตราส่วน 1 : 200,000 ที่ฝรั่งเศสทำ และ การเสด็จเยือนปราสาทพระวิหารของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพในปี 2473 แล้วพบเห็นการชักธงชาติฝรั่งเศสขึ้นแต่ไม่คัดค้านหรือประท้วง
แต่ 38 ปีต่อมาเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อกลับอุบัติขึ้น !!! เมื่อ ไทยทำ MOU 2543 กับกัมพูชาในปี 2543 ที่มีการระบุ จะร่วมกันดำเนินสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรไทย
กับราชอาณาจักรกัมพูชาให้เป็นไปตามเอกสาร3ฉบับ โดยเฉพาะ ฉบับ(ค.)แผนที่ที่จัดทำขึ้นตาม ผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน
ซึ่งจัดทำขึ้นตามอนุสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ที่เท่ากับไปยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 ครั้งนี้ไม่มีใครมาบังคับ ไม่มีศาลไหนมาใช้หลักกฎหมายปิดปาก ทั้ง ๆ ที่ต่อสู้มาอย่างสมศักดิ์ศรีบนศาลโลกช่วง 40 ปีก่อนหน้า และมีแถลงการณ์รัฐบาลยืนยันไม่เห็นด้วย กับคำพิพากษา แต่จำเป็นต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เหมือนยอมพลีกายให้ด้วยเติมใจ !
กระทรวงการต่างประเทศมักจะพูดว่าไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 แต่ต้องเขียนไว้เพื่อเป็นเอกสารประกอบการเจรจา ไม่จริงหรอกครับ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews