fbpx
Home
|
อาชญากรรม

ราชทัณฑ์แจงปมคุมแกนนำม็อบตรวจโควิดกลางดึก

Featured Image
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ตั้งโต๊ะแถลง กรณีคุมแกนนำม็อบตรวจโควิด-19 กลางดึก ยืนยันไม่มีการทำร้ายร่างกาย พร้อมกำชับดู”เพนกวิน”ปมอดข้าว

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าว กรณีเพจเฟซบุ๊ค ชื่อว่า อานนท์ นำภา ได้โพสต์ข้อความระบุเกรงว่าจะได้รับอันตรายถึงชีวิต ขณะถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ รวมถึงประเด็นที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำม็อบราษฎร ประกาศอดอาหารเพื่อประท้วง ว่า ในกรณีของนายพริษฐ์ ภายหลังเจ้าตัวระบุว่าจะงดรับอาหาร โดยจะรับประทานเพียงน้ำ, น้ำหวาน และเกลือแร่ ทางเรือนจำจึงได้จัดผงเกลือแร่และนมให้แทน พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องขังด้วย เพื่อสังเกตอาการของผู้ต้องขัง ป้องกันการเจ็บป่วย และทำร้ายตัวเอง รวมถึงเตรียมทีมแพทย์ และ นักจิตวิทยา เข้าไปตรวจ พร้อมกำชับให้สถานพยาบาลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คอยดูแลกรณีหากเกิดการเจ็บป่วย

ส่วนประเด็นที่มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายแกนนำม็อบราษฎร ส่วนนี้ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการจะนำตัวไปตรวจโควิด-19 เท่านั้น เรื่องดังกล่าวไม่เป็นไปตามข่าวลือที่ปรากฏในโลกโซเชียล เพราะขณะนี้แกนนำม็อบทั้งหมดยังคงถูกคุมขังอยู่ในแดน 2 อยู่ในห้องกักโรค จึงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปทำร้ายร่างกาย

อีกทั้งยังย้ำว่าขณะเข้าไปขอนำตัวแกนนำไปตรวจโควิด เจ้าหน้าที่ได้พูดจาอย่างสุภาพ แต่ทางผู้ต้องขังไม่ยินยอม ส่วนสาเหตุที่จำเป็นจะต้องนำตัวผู้ต้องขังไปตรวจในยามวิกาลนั้น เนื่องจากในวันดังกล่าว ได้มีการย้ายตัวผู้ต้องขังกลับมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 18.00 น. เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการจำแนกผู้ต้องขังเพื่อคัดกรองโรคโควิด-19 ซึ่งพบว่าแกนนำม็อบราษฎร 3 ราย จาก 7 ราย ดังกล่าว เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง จึงได้มีการขอร้องให้ผู้ต้องขังแยกตัวออกจากกลุ่มของผู้ต้องขังทั่วไป ที่ถูกคุมขังอยู่ในห้องเดียวกันรวม 16 คน และ เข้ารับการตรวจโควิด ตั้งแต่เวลา 21.00 น. แต่ไม่เป็นผล

นอกจากนี้ทีมบุคลากรทางการแพทย์ยังได้เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการตรวจ ซึ่งใช้ระยะเวลานานกว่าจะเข้าถึงพื้นที่ ก็เป็นเวลา ประมาณ 23.00 น. ยืนยันมีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจน โดยในคืนเกิดเหตุ ผู้ที่เป็นผู้ต้องขังทั่วไป 9 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ร่วมกับแกนนำทั้ง 7 คน ยินยอมรับการตรวจตามปกติ แต่แกนนำ 7 คนไม่ยอม ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับบุคคลอื่นที่อยู่ในห้องเดียวกัน จึงจำเป็นต้องนำเจ้าหน้าที่มาเชิญผู้ต้องขัง 7 คน ออกจากห้อง แต่ทั้งหมดก็ยังไม่ยินยอมทำให้ต้องเปลี่ยนแผน นำผู้ต้องขัง 9 คน ที่ได้รับการตรวจแล้ว ย้ายห้องแทน

เบื้องต้น ย้ำว่าไม่มีการทำร้าย หรือมีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น ที่ผ่านมาปฏิบัติกับผู้ต้องขังทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหากแกนนำมีการต่อรองขอตรวจตอนเช้าก็ย้ำอีกว่าไม่สามารถทำได้

สำหรับการเยี่ยม หรือการนำเอกสารต่าง ๆ ออกจากเรือนจำ เช่นจดหมาย ที่ปรากฏในโซเชียลนั้น กรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ปัจจุบัน อยู่ในสถานการณ์โควิด-19 เรือนจำจึงไม่อนุญาตให้เยี่ยมยกเว้นการเยี่ยมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ นอกจากนี้ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ยังห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกที่ติดต่อขอเยี่ยมผู้ต้องขังนำสิ่งของเข้ามาหรือออกจากเรือนจำ และนำสิ่งของมอบให้ผู้ต้องขังโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนทนายความนั้นสามารถทำได้ โดยทนายที่ได้รับอนุญาต สามารถส่งข้อความเป็นการลับกับผู้ต้องขังได้

ขณะที่การควบคุมผู้ต้องขังไปกลับศาล ทางราชทัณฑ์ก็มีการตรวจสอบค้นรถและค้นตัวผู้ต้องขังโดยละเอียด เพื่อป้องกันการนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้าออกเรือนจำ ซึ่งจดหมายที่ปรากฏนั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าออกไปจากช่องทางใด โดยหลังจากนี้ กรมราชทัณฑ์จะมีการแจ้งความกับแอดมินเฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวด้วย

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube