Home
|
บันเทิงไทย

“ปอนด์ กฤษดา – พิง“ เคลียร์ดราม่า”บุปผาราตรี“ งัดหลักฐานลิขสิทธิ์โชว์สื่อ

Featured Image
“ปอนด์ กฤษดา – พิง“ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเคลียร์ดราม่าหนัง ”บุปผาราตรี“ งัดหลักฐานลิขสิทธิ์โชว์สื่อ วอนอย่างให้มาคุยกัน รับมีฟ้องกลับทำให้เสียหาย

ตกเป็นประเด็นท่ามกลางกระแสความสนใจสำหรับกรณีภาพยนต์เรื่องที่ 2 ของบริษัท BeOnCloud ต่างฝ่ายต่างงัดหลักฐานออกมาชี้แจงเรื่องลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ บุปผาราตรี ทั้ง “ต้อม ยุทธเลิศ“ – ”พิง ลำพระเพลิง“ – ”ปอนด์ กฤษดา“ ที่ฟาดกันฉ่ำ ล่าสุดทางด้าน ”ปอนด์ กฤษดา“ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ และ ”พิง ลำพระเพลิง“ ผู้กำกับภาพยนตร์ พร้อมทนายความ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจง เรื่องราวดราม่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น

 

ปอนด์ : ”ชื่อบุปผาราตรีมาลี รัตติกาล ซึ่งเป็นของ “พี่พิง”ทำกับบริษัทหนึ่ง และเขาได้เข้ามาคุยกับตน ซึ่งเขาบอกอยากได้ ”เจษ เจษฎ์พิพัฒ“ ไปร่วมงานด้วย และ“เจษ” เขาอยู่ภายใต้สังกัดตน และเรารู้สึกอยากทำเรื่องนี้ ซึ่งตนก็นัดคุยกับทีมงาน“พี่พิง“ เพื่อร่วมลงทุนด้วย จะบอกว่าเป็นเรื่องราวที่ ”พี่พิง“ เขียนขึ้นมา และบทร่างแรก ที่เห็นสัญญาตัวแรกมีบริษัทเรา และบริษัทพี่ต้อม ผู้ถือลิขสิทธิ์ ”บุปผาราตรี“

 

 

พิง : “ผมไปเดินที่ออสก้าอพาร์ทเม้นท์ อยากเห็นหนังผีถ่ายที่นี้ เลยนึกในใจเพื่อนเคยทำหนังผี ก็เลยโทรหาเพื่อนอยากทำหนังผีที่ออสก้าอพาร์ทเม้นท์ เลยจะขอซื้อชื่อลิขสิทธิ์เรื่องบุปผาราตรี เพื่อก็บอกเอาสิ ซึ่งเขาก็เปิดค่าลิขสิทธิ์มา ขอไม่พูดราคาตรงนี้ แต่ตนบอกเขาว่าไม่มีตังค์ขนาดนั้น และตกลงกันอยู่ที่ 1,200,000 บาท มีสิทธิ์ใช้สองปี มียืนยันเอกสารครบถ้วน ส่วนใครเข้าใจว่าผมใช้ชื่อของเพื่อนมาฟรีๆ ให้เข้าใจตรงนี้ว่าผมซื้อมาถูกต้องกฎหมาย สัญญาฉบับแรกมาเสร็จเรียบร้อย แต่ทีนี้ประเด็นคือทำไปทำมาเงินไม่พอบอกเพื่อนว่าจะไปคุยกับ ”BeOnCloud“ ซึ่งตนมีหลักฐานในการคุยโดยเป็นแมสเสจ ผมก็ส่งสัญญาณเอกสารไปให้ดูนะ เพื่อแก้สัญญา จึงมีฉบับสัญญาที่2 มีหลักฐานการเซ็นกลับมา ซึ่งมีการเซ็นรับทราบทุกหน้า หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการมาเจอกับ “พี่ปอนด์” นี่แหละ“

 

ปอนด์ ”จริงๆชื่อแรก ”บุปผาราตี มาลี รัตติกาล“ ความเกี่ยวเนื่องกับ “บุปผาราตรี ภาคแรก” ผมเป็นคนตัดสินใจเองว่าไม่อยากจะใช้บทที่มีความเกี่ยวเนื่องกับบุปผาราตรีภาคแรกคือตอนนั้นน่ะไม่มีความกังวลใจจะมีปัญหากับที่ ”พี่ต้อม“ เลย เราแค่บริสุทธิ์ใจที่เชื่อว่าอะไรที่ดีอยู่แล้วเราไว้ตรงนั้นดีกว่า ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ ตนชื่นชอบมาก ไม่อยากไปแตะต้องพอมันดีอยู่แล้ว คือใช้เวลานานมากกับการทำใหม่ซึ่งเราได้คุยกับ “พี่พิง” กันเยอะมากกับบทใหม่ซึ่ง ”พี่พิง“ ก็อยู่ในทุก กระบวนการทำงาน“

 

พิง : ”พอเปลี่ยนบทมันไปไกลมาก ซึ่งงบบานไปถึง 70 ล้าน ไปไกลมาก ยิ่งถ่ายยิ่งราคาไปไกลเพราะเราได้ตัวท็อปของประเทศมาเล่น“

ปอนด์ : ”จริงๆงบมันเกินไปไม่ใช่ความผิดของพี่พิงแต่ด้วยโปรดักชั่นและอื่นๆ นักแสดง5ดารา เพราะฉะนั้นการที่ทุ่มเทแรงไปแล้วมันเป็นเพราะความเชื่อมั่นของโปรดักชั่น เราไม่เคยเอาชื่อไปขายว่าเป็นภาคต่อ นักแสดงทั้งหมดมีความสุขทั้งในกองและปิดกล้องไปด้วยกัน ที่ออกมาแถลงข่าว เพราะไปไหนมีแต่คนบอกว่าเป็นกำลังใจให้นะซึ่งมันไม่ตรงกับสิ่งที่เราตั้งใจทำเรื่องนี้ โดยทางด้านครอบครัวตนพอเห็นข่าวเครียดว่าบริษัท BeOnCloud จะโดนฟ้องร้อยล้าน เลยต้องออกมาพูด

 

ทนาย “เรามีการแก้ไขสัญญาโดยทางบริษัทก็ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์มีการทำสัญญาขึ้นมาสองฉบับ โดยมี “พี่พิง” และ“พี่ปอนด์” เป็นผูักำกับ ซึ่งบริษัท ก็ปฏิบัติตามทุกสัญญา เมื่อเราไม่ผิดสัญญาเขาก็ไม่มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญา เพราะฉะนั้นก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย100ล้านบาท“

ปอนด์ : ”ยืนยันไม่มีทางไปขโมยผลงานของใคร คำว่าบุปผาราตรี มองว่ามีสิทธิ์นำไปใช้ และอีกหนึ่งเชื่อว่าถ้าเข้าโรงหนัง ทุกคนต้องนึกถึงสมัยนั้นว่ามีบุปผาราตรี ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์นี้ เห็น “พี่ต้อม” โพสต์ก็ตกใจมากไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงโพสต์แบบนั้น ซึ่งตัวเองก็พยายามพูดคุย ผมมั่นใจว่าผมเป็นคนพูดตรงและโคตรมีคุณธรรม พยายามติดต่อไปแต่เขาบอกว่าไม่ว่างจะติดต่อกลับมา พอช่วงเย็นมีการโพสต์สัญญาที่ยกเลิก และมีการสัมภาษณ์สื่อออกมาอย่างต่อเนื่อง“

 

 

พิง : “22 สิงหาคมชื่อเพื่อนผมโทรเข้ามา ซึ่งเราก็อธิบายเพื่อนให้เข้าใจว่าเขาไม่ได้ปลดชื่อกูออก ซึ่งเราก็บอกเพื่อนว่าใจเย็นๆนะคุยกันดีๆ เชื่อว่าเพื่อนได้ข้อมูลผิดๆมาและมั่นใจว่าเขาเป็นห่วงเรา ซึ่งมีทวิตหนึ่งด่าว่าผู้กำกับเลว มองว่าอันนี้ไปไกลมาก”

ปอนด์ : “ความถูกต้องและความตรง แต่ตอนเนี่ยมันคือรู้สึก ไม่อยากให้คนรู้สึกไม่ดีเพราะทำตรงนี้เพื่อความบันเทิง”

พิง : “ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันมาไกลได้อย่างไร แต่ตนเชื่อว่าที่เพื่อนทำ เพราะเขาเป็นห่วง ต่อไปนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องหลักฐานและกฎหมาย”

ทนาย : “ อย่างที่บอกบริษัท ”BeOnCloud“ เขาไม่ได้ละเมิดทุกข้อสัญญาที่ให้ใช้ลิขสิทธิ์ เมื่อมีหลายโพสต์ส่งผลให้ชื่อเสียงบริษัท ในการทำงานต่างๆ เราจึงจำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องคดีซึ่งเราก็ฟ้องไปแล้วส่วนคดีเป็นเรื่องของศาล“

ปอนด์ : ”สิ่งที่ฟ้องไม่ใช่เพื่อจะเรียกร้องเงินมาชดเชยค่าหนังของตนแต่ที่ฟ้อง เพื่อจะบอกว่าเราพูดความจริงเพื่อปกป้องความจริงที่เกิดขึ้นแน่นอน และกฎหมายมันใช้เวลานานแต่สังคมต้องรู้ว่าความตั้งใจของเรา”

 

ปอนด์ : “แอดเค้าท์ผู้กำกับเลวนี้ได้นำสิ่งนี้มาโพสต์ในโซเชียลมีเดียและทำให้เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องหลายด้านและมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติทำงานศิลปะใจร้ายเกินไปและรับไม่ได้เพราะมีการเหยียดเพศสภาพสำหรับตัวผมไม่เดือดร้อนหรอกจะเรียกผมว่าอะไรก็ได้ แต่ไม่อยากให้เอาภาพนักแสดงที่เขาตั้งใจทำการแสดงอย่างดี ไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาว่า คุณใช้วิธีที่นี้ไม่เหมาะสม ส่วนเรื่องไหนที่ติดค้างใจกันมาคุยกันดีกว่า“

 

สำหรับตัวตนพร้อมพูดคุยแต่ขออย่างเดียวอย่าใช้อารมณ์ ขอเริ่มคุยโดยไม่มีอคติ เพราะตนไม่เคยมีปัญหา กัน เราพร้อมคุยกัน วันนึงเราอาจจะเป็นคนที่ทำหนังด้วยกันก็ได้คือผมพร้อมอยู่แล้ว ผมยังรักวงการนี้อยู่อย่างมาก”

ปอนด์ “ส่วนชื่ออยากให้ทุกคนช่วยตั้งชื่อ และมีชิงเงินรางวัลด้วยตอนนี้ยังใช้ชื่อว่า ”หนังที่ยังไม่ตั้งชื่อ” เรื่องนี้ได้ฉายอย่างแน่นอนเดือนกุมภาพันธ์ แต่ชื่อเรื่องอะไรค่อยว่ากัน สัญญาที่คงไว้เพื่อปกป้องตัวเอง แต่ก็ยากให้ให้พี่เขาเข้าใจ”

พิง : “สุดท้ายอยากฝากอะไรถึง “พี่ต้อม” มึงกูรู้อยู่ว่ามึงดูอยู่ จะบอกว่าเขาตั้งใจจริงๆนะเชื่อกูดิมันจะทำให้หนังมึงดีอยู่แล้วแต่ต่ออายุไปอีกในสมัยที่เศรษฐกิจแบบนี้และเขาลงเงินเยอะขนาดนี้ เขาจริงจังขนาดไหน ต่อให้ได้ร้อยล้าน เขายังขาดทุนเลย เชื่อกูไปคุยกับเขา”

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube