“รัฐบาลอิ๊งค์-ทักษิณ” คลุกฝุ่น(PM2.5)?

ประเดิม กฎหมาย “สมรสเท่าเทียม”มีผลบังคับใช้ ที่แม้จะสวนเทนต์กับมหาอำนาจสหรัฐยุค“ทรัมป์2.0”ที่เพิ่งประกาศจำกัดสิทธิ์ด้านนี้ แต่สำหรับประเทศไทย ถือเป็น “ผลงาน”ของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ในการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ออกมาใช้เป็นผลสำเร็จ ในช่วง “รัฐบาลเพื่อไทย”

ระหว่างรอยต่อ “รัฐบาลเศรษฐา”ถึง”รัฐบาลอิ๊งค์”ที่ทั้งส.ส.เพื่อไทย  และ พรรคเด็กประชาชน ล้วนได้อานิสงส์จากเรื่องนี้กันถ้วนหน้า

หากแต่ในจังหวะเดียวกัน ก็มีประเด็นสถานการณ์ตรงหน้า ที่ “รัฐบาลอิ๊งค์”ถูกตั้งคำถามกับปม “ฝุ่นพิษ”PM2.5 ที่เข้าสู่ระดับความรุนแรง มีผลต่อสุขภาพประชาชนแบบทุกทิศทั่วไทย โดยที่โคม่าหนักสุดยามนี้ คือกรุงเทพฯของ “ผู้ว่าชัชชาติ”ที่เพิ่งขอความร่วมมือให้ภาคเอกชน บริษัทห้างร้านเวิร์คฟอร์มโฮม  และปิดโรงเรียนกทม.เพื่อเรียนจากบ้าน และล่าสุดวันนี้ออกมาตรการเชิงรุก ควบคุมฝุ่น PM2.5

โดยบอกคืนแรกพบรถบรรทุกฝ่าฝืนเข้าพื้นที่ห้าม 725 คัน ซึ่งได้สั่งปรับทั้งหมด  โดยมองสาเหตุหลักของฝุ่นมาจากการเผา ก่อนออกตัวการแก้ปัญหาฝุ่นต้องใช้วิทยาศาตร์ จะใช้ความรู้สึกไม่ได้   ในขณะที่ฝ่าย“รัฐบาล”แม้ “นายกฯอิ๊งค์”จะมี “แอ๊คชั่น”ประชุมแบบซีเรียสเรื่องนี้วีคที่แล้วก่อนไปประชุมที่ ดาวอส สวิสฯ ที่ถือว่าเป็นเมืองอากาศบริสุทธิ์ที่สุดในโลก แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกค่อนขอดจากหลายฝ่าย ไม่แต่เฉพาะ “ฝ่ายค้าน”อย่าง “เท้ง”ผู้นำฝ่ายค้าน  ที่ออกมาจี้ถามถึงมาตรการของรัฐบาลที่ควรเอาจริงเอาจังมากกว่าที่เห็น

โดย “หัวหน้าเท้ง”ติงว่าก่อนที่ “นายกฯอิ๊งค์”จะไปหาโอกาสใหม่ๆต่างประเทศ ควรแก้ปัญหาในประเทศที่เกิดขึ้นทุกปีให้ได้ก่อน อย่างสถานการณ์ฝุ่นวันนี้ ก็เข้าขั้นวิกฤต ในหลายพื้นที่มีค่าฝุ่นเกิน 200 มคก./ลบ.ม. ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป  ไม่ใช่เฉพาะคนมีโรคประจำตัวหรือกลุ่มเปราะบาง สถานการณ์เช่นนี้เชื่อว่าเป็นสิ่งที่พวกเราอยากได้ความชัดเจนจากรัฐบาล ว่าจะมีมาตรการใดในการแก้ไขบ้าง ที่ผ่านมาพรรคประชาชนก็ได้มีการเสนอแนะถึงมาตรการต่าง ๆ ที่มีความชัดเจน  และเรียกร้องมาโดยตลอด แต่รัฐบาลอาจไม่ได้ดำเนินการเท่าที่ควร

เช่นเดียวกับ “อ.สมชัย ศรีสุทธิยากร”อดีตกกต.ที่หันมาขี่จักรยานไปตามเมืองต่างๆ ที่เหลืออดออกมาติงผ่านFBทำนองรัฐบาลจริงจังแต่ “คาสิโน” ไม่สนแก้ฝุ่นพิษยั่งยืน  โดยแซะ “นายกฯอิ๊งค์”มัวเฉิดฉันแฟชันไปวัน ๆ เป้าล่อคนวิจารณ์การแต่งตัว เลี่ยงถามการเมือง  ส่วน คุณพ่อ ก็เพลิดเพลินกับการขึ้นเวทีหาเสียงล่อเพื่อน ส่วนครม.ก็เอาจริงเอาจังกับการผลักดันคาสิโนหรู  โดยไม่ใส่ใจว่าประชาชนคิดอย่างไร คนไทยจะจม “ฝุ่นพิษ” ก็จมไป เพราะเป็นฤดูกาล

พอพ้นหน้าหนาว ฝุ่นน้อยคนเลิกบ่น รอถึงปีหน้าค่อยเจอกันใหม่ เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งทุกคนอยากฟัง นายกฯ คุณพ่อนายกฯ หรือ คนใน ครม. พูดถึงนโยบายที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ หรือ พูดแบบเท่ ๆ หน่อยว่า “หากปีหน้า..ประเทศยังมีปัญหาจมฝุ่นพิษแบบนี้อีก ผมจะกลับไปเลี้ยงหลานอย่างจริงจัง”

ขณะที่รัฐบาลโดย“พี่อ้วน-ภูมิธรรรม”รองนายกฯออกมาออกตัวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญโดยยกเป็นปัญหาระดับนานาชาติที่ต้องหารือร่วมกัน ซึ่งรัฐบาลและทุกฝ่ายกำลังช่วยกันแก้ไข ไม่อยากให้ “ฝ่ายค้าน”ที่ออกมาโจมตี มองแยกส่วน เรื่องของประเทศไม่ได้มีเรื่องฝุ่นอย่างเดียว ยังมีเรื่องเศรษฐกิจด้วย ไม่อยากให้เอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาโจมตีนายกฯ แต่อยากให้มาเสนอแนะช่วยคิดทางแก้ไข ถ้าสามารถทำให้สาธารณชนเห็นว่านั่นคือทางออก รัฐบาลก็ยินดีทำอยู่แล้ว  ไม่อยากให้เอาเกมการเมืองมาปนกับการแก้ไขปัญหาของประชาชน

เรียกว่าปัญหาเรื่อง “ฝุ่นพิษPM2.5”ถูกมองว่าเป็นปัญหาคาราคาซังที่ทั้งรัฐบาลทหาร และรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ล้วนยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากประทังหรือบรรเทาปัญหาและก็วนลูปกลับมาในทุกๆปลายปีถึงต้นปีของทุกปีมาตั้งแต่สมัย “รัฐบาลลุงตู่”ที่เห็นแอ๊คชั่นจาก “กองทัพ”เอารถมาพ่นละอองน้ำบ้าง ส่วนใน “รัฐบาลเศรษฐา”แม้จะดูขึงขังเอาจริงกับมาตรการและการตั้ง KPI ฝุ่น ต้องลดลงทุกปี แต่ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม เช่นเดียวกับ “รัฐบาลอิ๊งค์”ที่แม้จะมีการประกาศเป็น “นโยบาย” แต่ก็ถูกมองจากหลายฝ่ายว่ายังไม่เห็นผลชัดเจนในการปฏิบัติ รวมถึงไม่ได้ทำให้ปัญหาลดลงอย่างที่ปรากฎไว้นั่นเอง

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews