เศรษฐกิจไทยจะวิกฤตหรือไม่ อันเนื่องมาจากนโยบาย Digital Wallet แจกเงินหมื่นของรัฐบาลเศรษฐา อาจไปไม่ถึงฝัน หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีความเห็นแบ่งเป็นประเด็นสุ่มเสี่ยง 4 ข้อใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ความเสี่ยงต่อการทุจริต, ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ, ความเสี่ยงด้านกฎหมาย และ ประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความไม่ชัดเจนว่า จะมีการปรับปรุงระบบ “เป๋าตัง” ให้มาใช้บล็อกเชนได้อย่างไร
ป.ป.ช. มองว่า จากการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันไม่เข้าข่ายวิกฤต โดยหากพิจารณาข้อมูลจากแบงก์ชาติ GDP ของไทยในปี 2567-2568 กรณีที่ไม่มีโครงการ Digital Wallet ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.2%YoY และ 3.1%YoY ตามลำดับ จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนและต่อเนื่องที่จะต้องดำเนินการเพื่อแก้ไขผ่านการใช้ พรบ. เงินกู้
ฝ่ายวิจัย บริษัทลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า ประเด็นดังกล่าวของปปช.สะท้อนถึงสัญญาณที่ไม่ดีของนโยบาย Digital Wallet ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ และหากพิจารณาในมุมฐานะการคลังของประเทศ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากจะทำให้ภาระ ทางการคลังเบาลง และสามารถมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะถัดไป
สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ถาม “ดร.สมชัย จิตสุชน” ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับภาครัฐในหลากหลายฐานะ เช่น กรรมการนโยบายการเงิน ถึงแง่มุมนโยบาย Digital Wallet โดย “ดร.สมชัย” เชื่อว่า นโยบาย Digital Wallet จะไม่เกิดขึ้นเพราะเศรษฐกิจไทยไม่ได้วิกฤต เพราะคำว่าวิกฤตนั้น ใช้ได้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถใช้งบประมาณปกติได้ ดังนั้นหากไม่มี Digital Wallet เกิดขึ้น เศรษฐกิจไทย ก็ยังเดินหน้าต่อไปได้แน่นอน
“ได้ ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าโอเคมันก็จะไม่มีตัวโด๊ป คือถ้าแจกเงิน ก็เหมือนเป็นยาโด๊ป มันก็ไม่มียาโด๊ป คือไม่มียาโด๊ปคุณก็ไม่กระฉับกระเฉงชั่วคราวขึ้นมาอย่างที่รัฐบาลคาดหวัง แต่ถ้าถามว่าเดินได้ไหม มันก็เดินได้อยู่ เพียงแต่ว่ามันไม่ค่อยแข็งแรง คือเป็นที่รู้กัน เราเป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง พอไม่ค่อยแข็งแรงปุ๊บมันก็ต้องมีวิธีทำให้แข็งแรงขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่ใช้ยาโด๊ป ยาโด๊ปมันชั่วคราว”
“ดร.สมชัย” กล่าวอีกว่า ในระยะสั้น ถ้าห่วงเรื่องเศรษฐกิจจะสโลดาวน์ รัฐบาลก็สามารถกระตุ้นได้อยู่แล้ว ล่าสุดก็มีโครงการ Easy E-receipt ส่วนระยะยาวก็อยากให้มีการเพิ่มทักษะให้กับประชาชนทุกกลุ่ม เชื่องโยงกับเรื่อง Soft Power ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่
“ก็มีระยะสั้น ระยะยาว ระยะสั้นถ้าห่วงว่าเศรษฐกิจมันจะสโลดาวน์จริงๆ จะมีการกระตุ้นโน้นนี่ต่างๆ ก็ได้ ซึ่งก็ทำมาทุกรัฐบาลอยู่แล้ว ก็มีบางคนก็บอกเอาคนละครึ่งไหมโน้นนี่ต่างๆ หรือทุกวันนี้มันก็จะมีเรื่องของ E-receipt อยู่แล้ว อันนั้นมันก็ได้ 5 หมื่นซึ่งก็ไม่น้อยนะ อันนั้นก็เป็นการกระตุ้นอยู่ อันนั้นเรื่องระยะสั้น ส่วนเรื่องระยะยาวคือเรื่องที่รัฐบาลต้องทำ โดยเฉพาะเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของทักษะ รัฐบาลควรจะมีนโยบายทักษะแห่งชาติทำเป็นเรื่องใหญ่โตเลย แล้วก็ควรจะใหญ่กว่าเรื่อง Soft Power ด้วย เพราะว่า Soft Power เป็นเรื่องทักษะก็จริง แต่ว่าโฟกัสเฉพาะสิ่งที่เป็น Soft Power ซึ่งผมคิดว่าแคปไป ก็จะต้องมีการเพิ่มทักษะแล้วก็เพิ่มกลุ่มเป้าหมายไปทุกกลุ่มเลย”
สำหรับนโยบาย Soft Power ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันนายกรัฐมนตรี “นายเศรษฐา ทวีสิน”เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมี “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวคนเล็กของ “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มาพร้อมกับตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติอีกด้วย
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนสร้างความเชื่อมั่นของนโยบาย Digital Wallet สู่ Soft Power ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือหนึ่งในนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่เดิมพันด้วยคะแนนนิยมนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
