คนหนุ่มไฟแรงเจอเกมการเมืองคนแก่ถึงกลับจุก จอด จบชั่วคราว ผ่านบทพิสูจน์ เส้นทาง”พิธา”ที่ปูลาดด้วยขวากหนามจากน้ำมือเหล่าผู้เฒ่าจอมเก๋าเดินเกมสอดประสาน จังหวะจะโคนรับลูกลงตัว ทำให้ตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารของคนหนุ่มวัย42ปี
เป็นไปได้ยากลำบาก ถูกดึงรั้งไว้ด้วยข้อกฎหมายต่างๆ ที่กำหนดจัดวางไว้จาก “ซือแป๋มีชัย” ที่วางหมากกลซ่อนเงื่อนดักสถานการณ์แบบนี้ไว้จนเข้ามุมอับ อาจต้องสลับตามทางที่ขั้วอำนาจเก่าขีดเขียนไว้ ถึงจะคลายล๊อกอำมหิตนี้ได้ พลันที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งให้ พิธา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.นับแต่วันที่ 19 ก.ค ไปจนกว่าวันที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องของ กกต.นั้น ทำให้อุณหภูมิการเมืองที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนมากขึ้นไปอีก ทั้งๆที่การต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เป็นเรื่องที่เคยเกิดมาแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของ ส.ส. ฝ่ายค้าน ที่ขอให้วินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ ไว้พิจารณา และมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่
แต่ทว่าคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่สั่ง พิธา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ให้บังเอิญให้มาตรงกับสถานการณ์ช่วงโหวตนายกฯรอบ 2 จึงทำให้ค่ายก้าวไกล และด้อมส้มเดือดดาลสุดขีด ยิ่งไปเจอเกมสภา ที่โยนเผือกร้อนในกรณีความเห็นขัดแย้งในเรื่องจะสามารถนำเรื่องการโหวตนายกฯรอบ 2เข้ามาพิจารณาในสภาได้หรือไม่ เหมือนจะเป็นการตัดเกมตั้งแต่เริ่มต้น ยิ่งทำให้ด้อมส้มที่สะสมอารมณ์ความไม่พอใจมากขึ้น พร้อมประกาศชวนกันลงถนนกันอย่างจริงจัง
ในจังหวะที่ “พิธา”อำลาสภา กลายเป็นซีน ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดครั้งหนึ่ง
ซึ่งเวลาประมาณ บ่าย 2โมงเศษๆ วันที่ 19 ก.ค. 2566 พิธาเข้าประจำที่ในสภา พร้อมลุกขึ้นกล่าวว่า “เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผมหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จึงขอใช้โอกาสกล่าวอำลาประธานจนกว่าเราจะพบกันใหม่ ผมคิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. ประชาชนชนะมาแล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง ขอให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป”
หลังหล่นวาจาจบ ภาษากายของพิธา ทำงานทันที ด้วยการโบกมือไปมา พร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจางๆ ค่อยๆพาร่างเดินออกไปจากสภาอย่างช้าๆ ท่ามกลางเพื่อนสมาชิกในส่วนของ8พรรค พากันตบมือให้กำลังใจกันหนาแน่น และภาพนี้พร้อมคำพูดของพิธา ถูกกลับมาผลิตซ้ำ เพื่อเผยแพร่ในช่องทางทุกโชเชี่ยล สร้างเป็นกระแสไวรัล พร้อมกับการแสดงความเห็นใจในชะตากรรมของ
ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเหยียบสภาแห่งนี้อีกหรือไม่ และฉากซีนบีบน้ำตานี้เอง ทำให้นึกย้อนไปถึงเมื่อในอดีต ที่ผู้นำจิตวิญญาณคนเก่า อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ” เคยต้องชะตากรรมเดียวกัน คือเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 “ธนาธร”แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคอนาคตใหม่ ในขณะนั้น ถูกสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ โดยในการประชุมสภา”ธนาธร” กล่าวว่า”ผมรับทราบข้อกล่าวหา และขอยุติการปฎิบัติหน้าที่ตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย หลังสิ้นสุดคำกล่าว ก็มีเสียงปรบมือให้กำลังใจดังขึ้น ก่อนที่ธนาธรจะเดินออกจากห้องประชุมไป
จากนั้น ต่อมา เมื่อ19 พ.ย. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2562 จากกรณีถือครองหุ้นในบริษัท วีลัค-มีเดีย จำกัด ต่อมาเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีคนดังอย่างธนาธร ปิยะบุตร และช่อ เป็นเวลา 10 ปี
เป็นการปิดฉากอนาคตใหม่ด้วยอายุการเมือง 1 ปี 4 เดือน18 วัน ภาพตัดมาที่ พิธา หนุ่มน้อยที่มีอนาคตไกล ถูกจับตาว่าวิถีทางการเมืองของเขาจะเดินรอยตามธนาธรที่สุดท้ายไปจบที่ยุบพรรคหรือไม่ และเสียงคำราม พิธาที่ว่า”ประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว” นั้น จะทำให้ผู้กุมอำนาจหวั่นไหว หรือไม่?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
