กกท. ยันชัด ไม่ได้ทำผิดกฎ Must Carry

กกท. ยืนยัน ได้ปฎิบัติตามกฎมัสต์ แคร์รี่ ด้วยการส่งสัญญาณไปยังดิจิทัลทีวี ทั้งภาคพื้นดิน และดาวเทียมต่างๆ ซึ่งเข้าถึงทุกกลุ่มอยู่แล้ว
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยถึงกรณี กสทช. มีมติเอกฉันท์เรียกเงินคืน 600 ล้านบาทจากการกีฬาแห่งประเทศไทย และให้คืนเงินภายใน 15 วัน ในเรื่องการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ว่า
“การกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท.) ได้ทำหนังสือ ชี้แจงไปยัง กสทช. แล้ว ซึ่งไม่ทราบว่าในที่ประชุมบอร์ด กสทช. ได้เห็นหนังสือหรือไม่ ซึ่ง กกท. ยืนยันว่าได้ปฎิบัติตามกฎมัสต์ แคร์รี่ ด้วยการส่งสัญญาณไปยังดิจิทัลทีวี ทั้งภาคพื้นดิน และดาวเทียมต่างๆ ซึ่งเข้าถึงทุกกลุ่มอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องอยู่ในกรอบภายใต้ลิขสิทธิ์ด้วย และส่งสัญญาณถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้ทุกคนได้ดูแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายตามกฎ มัสต์แฮฟ แล้ว
“ศาลได้วินิจฉัยกรณีข้อพิพาทระหว่าง AIS กับ True โดยคำสั่งศาลได้กล่าวถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย และ กสทช. ที่ดำเนินการถ่ายทอดฟุตบอลโลกให้ประชาชนได้ดูฟรีตามช่องทางต่างๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะ IPTV เท่านั้น ถือว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมัสต์ แคร์รี่แล้ว ซึ่งคำสั่งศาลเขียนไว้ชัดเจน เพราะฉะนั้นการดำเนินการของกกท. เราได้ปฏิบัติตามข้อระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยไม่ได้ไปละเมิดอะไร”
ดร.ก้องศักด กล่าวต่อว่า หาก กสทช. ยืนยันจะเรียกเงิน 600 ล้านบาทคืน ก็คงต้องเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย แต่ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น เนื่องจากเป็นองค์กรของรัฐด้วยกัน น่าจะมีวิธีการที่ดีกว่า ที่สามารถตกลงพูดคุยกันได้ อย่างไรก็ดี หาก กสทช. จะเรียก กกท. เข้าไปชี้แจงก็ยินดี แต่ที่ผ่านมาไม่มีการพูดคุยแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน หากย้อนกลับไปในช่วงกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็น 1 ใน 7 รายการที่อยู่ในกฎมัสต์แฮฟที่จะต้องถ่ายทอดสดให้คนไทยได้ดูฟรี โดยในช่วงนั้นกล่องรับสัญญาณเอกชน เจ้าหนึ่ง เป็นผู้รับหน้าที่ในการออกอากาศ และปิดกั้นสัญญาณในส่วนของกล่องรับสัญญาณเจ้าอื่นๆ ซึ่งถ้าหากเป็นกรณีเดียวกัน ในกฎมัสต์แคร์รี่ ก็อยากให้ทาง กสทช.ออกมาชี้แจงว่าเหตุใดรายการนั้นทำได้ และทำไมรายการนี้ทำไม่ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews