fbpx
Home
|
ข่าว

“ก้าวไกล” ขอตั้งหลักรอเช็กคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญละเอียด

Featured Image
“ก้าวไกล” ขอตั้งหลักรอเช็กคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญละเอียด เตรียมฉากทัศน์พร้อมทุกสถานการณ์ รอดูนักร้อง ‘เรืองไกร’ ซ้ำดาบสอง ขณะ 150 สส.ฉีกยิ้มสู้ยังไม่สละเรือ

 

 

 

 

ภายหลังการแถลงข่าว นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถามคำถามที่อยู่นอกเหนือจากคำแถลงว่าหลังจากนี้อาจมีคนไปยื่นยุบพรรคก้าวไกล มีการเตรียมรับมือไว้อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้ยังคงต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญโดยละเอียดอีกครั้ง

 

 

ซึ่งแน่นอนว่า ไม่สามารถประมาทได้ในทางกฎหมาย ส่วนจะมีการต่อสู้อย่างไรนั้น คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือว่าที่สุดแล้ว ไม่สามารถโต้แย้งได้ แต่ไม่กังวล และไม่ประมาท

 

 

ส่วนที่มองว่า จะซ้ำรอยพรรคอนาคตใหม่หรือไม่นั้น นายชัยธวัชระบุว่า ยังไปไม่ถึงตรงนั้น ขั้นตอนต่อไปเราคงต้องรอเอกสารคำวินิจฉัยที่สมบูรณ์ตัวเต็ม เพื่อที่รับมือในทางกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้นได้

 

 

 

สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีการกล่าวถึงพฤติกรรม บุคคลภายในพรรคก้าวไกล ทั้งการเข้าขื่อแก้ไข 112 ประกันตัวบุคคลที่ถูกกล่าวหา นายชัยธวัช ระบุ เราค่อนข้างกังวลคำวินิจฉัย ที่เราไม่มั่นใจในหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเจตนา พร้อมยกตัวอย่างเช่น การจะบอกว่ามี สส.พรรคก้าวไกลไปประกันตัว ผู้ที่ถูกกล่าวหาคดี 112 ถือว่าเป็นองค์ประกอบว่าล้มล้างการปกครองก็มีปัญหา เท่ากับว่าหลักเกณฑ์ตามกฏหมาย ที่รับรองในรัฐธรรมนูญ ที่บอกว่าหลักที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อน

 

 

การกล่าวหาบุคคลใดข้อหาใด ต้องกล่าวหาอยู่บนพื้นฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ มันทำให้ขัดกัน และการประกันตัวผู้ต้องหาไม่ว่าจะข้อหาใดๆ เป็นการใช้สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมของทุกคน เพราะกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ยกเว้น ว่าข้อกล่าวหานี้ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือห้ามประกัน หรือใครเข้ามาประกันตัว หรือใครเข้ามาเกี่ยวข้องถือมีความผิดไปด้วย ฉะนั้นถ้าผู้พิพากษาที่วินิจฉัยให้ผู้ที่ถูกล่าวหา ในการกระทำผิด ม.112 เป็นการล้มล้างการปกครองไปด้วยหรือไม่ เราจึงกังวล แต่คำวินิจฉัยออกมาแล้ว แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อหลักเกณฑ์ในการตีความ ความไม่ชัดเจนแน่นอนในการใช้กฎหมาย อะไรคือ ขอบเขต

 

 

ส่วนนโยบายต่างๆ ที่เคยเสนอที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 นั้น คำวินิจฉัยที่ตุลาการฯอ่าน มี 2 เรื่อง คือ สั่งให้ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ และโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มียกเลิกการประมวลกฎหมายอาญา 112 อันหมายความว่า หลังจากนี้ ถ้าก้าวไกลจะต้องห้ามพูด 112 โดยสิ้นเชิงหรือไม่ หรือการพูดให้เพิ่มโทษ ในมาตรา 112 ถึงจะทำได้หรือไม่ นี่ยังไม่นับรวมสื่อมวลชน หรือนักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นต่อมาตรา 112 ก็จะทำให้ได้หรือเปล่า

 

 

หรือแสดงแบบไหนถึงผิด หรือมีการแสดงความคิดเห็นว่ามาตรา 112 อาจจะถูกปรับปรุง จะมุ่งเจตนาไปสู่การล้มล้างหรือไม่ อย่างรายงาน คอป. ที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ซึ่ง ส.ส. พรรคก้าวไกลก็นำมาใช้ ข้อเสนอดังกล่าวถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครองด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นการเสนอของอาจารย์คณิต ณ นคร ที่เสนอให้ลดโทษ โดยให้สำนักพระราชวัง

 

 

เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษแทนประชาชน แทนที่จะให้ประชาชนเป็นผู้ร้องทุกข์ดำเนินคดี ต้องดูคำวินิจฉัยอย่างละเอียด เพราะในอนาคตอาจจะทำให้เกิดปัญหา ซึ่งจากนี้ไปหากมีการเสนอกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญสามารถเข้ามาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องรอให้ผ่านวาระที่ 3 ก่อน ซึ่งคำวินิจฉัยวันนี้แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อปัญหาในอนาคตได้

 

 

สำหรับ สส. 44 คนของพรรคก้าวไกล ที่เคยเข้าชื่อแก้ไขมาตรา 112 อาจถูกลงโทษตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายชัยธวัช ชี้แจงว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น จากนี้การดำเนินการใดๆ ที่เกินสมควร ยืนยันจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นปมปัญหาประเด็นความขัดแย้งในการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น พรรคก้าวไกลมีเจตนาที่จะยุติ ลดการนำสถาบันพระมาหากษัตริย์มาเป็นข้อขัดแย้ง เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตยกับสถาบันพระมหากษั์ ริย เจตนาข้อเสนอ ม.112 ของพรรคก้าวไกล

 

 

ไม่ต้องการให้นำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่เปิดช่องให้ใครผูกขาดความจงรักภักดีไว้กับตัวเอง และอาศัยความจงรักภักดีนั้น แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองที่ปฏิเสธไม่ได้ นี่ คือเจตนาที่แท้จริงของพรรคก้าวไกลไม่ใช่อย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกลที่ใช้นโยบายนี้ในการหาเสียงยังมีพรรคการเมืองอื่นอีกด้วย และที่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าใช้ ม.112 หาเสียง เป็นการลดสถานะสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เข้ามาอยู่ในความขัดแย้งทางการเมือง มาเป็นคู่ขัดแย้งประชาชน

 

 

เมื่อผ่านการเลือกตั้ง ตนเอง อยากถามว่า พรรคการเมืองที่รณรงค์หาเสียงว่า ตัวเองเป็นผู้จงรักภักดี อีกพรรคหนึ่งไม่จงรักภักดี หรือโจมตีอีกพรรคหนึ่งว่ามีเจตนาที่บ่อนทำลายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือขึ้นรูปราชวงศ์ในเวทีหาเสียงถือว่าเป็นการลดทอน บ่อนเซาะทำลายทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในสถานะที่เป็นกลางทางการเมืองหรือไม่

 

 

ส่วนคำวินิจฉัยจะมีผลต่อกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอกระทบต่อสภาหรือไม่ โดยเฉพาะ พรบ.นิรโทษกรรม กับผู้กระทำความผิดมาตรา 112 นายชัยธวัช ระบุว่า นี่คือสิ่งที่กังวล เพราะการตีความที่อาจจะไม่มีขอบเขตไร้หลักเกณฑ์ โดยเฉพาะการเสนอในเรื่องของนิรโทษกรรม ผู้ที่ถูกดำเนินคดี หรือผู้ต้องขังจากข้อหามาตรา 112 ถือว่าลดการคุ้มครอง บ่อนเซาะทำลาย

 

 

มีเจตนาซ่อนเร้น ล้มล้างการปกครองก็ได้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และไม่กระทบต่อการปกครองในอดีต ตั้งแต่ปี 2478-2499 ที่ละเว้นโทษ ในฐานความผิดหมิ่นประมาท พระมหากษัตริย์ ที่ไม่ได้มีปัญหาเลยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่ปัจจุบันถูกวินิจฉัยถือว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง นี่เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความไม่ชัดเจน ในปัจจุบันซึ่งในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะถูกวินิจฉัยออกมาแบบไหนอีก

 

 

ส่วนมีโอกาสถอย พรบ. นิรโทษกรรมเหมือนกับพรรคการเมืองอื่นที่ถอยเรื่องแก้ไข มาตรา 112 หรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของกลไกรัฐสภา เพราะร่างกฎหมายเสนอไปแล้ว เนื่องจากสุดท้ายยังคิดว่าเสียงส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้อยุติที่ทุกคนยอมรับร่วมกันได้ ขณะกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เตรียมเดินทางยื่นยุบพรรคก้าวไกลในเวลา 10:00 น. พรุ่งนี้ ขอดูคำร้องก่อน อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้มีการคุยกับ สส.ของพรรค 150 คน เห็นคำวินิจฉัยของศาลแล้ว มีใครที่จะสละเรือหรือไม่ นายพิธายิ้ม และกล่าวว่า ดูจากรอยยิ้มทุกคน ทุกคนยิ้มหมด แสดงว่ายังอยู่ต่อ

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube