fbpx
Home
|
ข่าว

7วันอันตรายปีใหม่เกิดอุบัติเหตุแล้ว1,570ครั้ง-ตาย190

Featured Image
ศปถ.สรุปสถิติอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 1 มค.เกิดเหตุ 419 ครั้ง บาดเจ็บ 422 ตาย 62 รวม 4 วัน 1,570 ครั้ง เสียชีวิตรวม 190 คน บาดเจ็บ 1,574 มี 19 จังหวัด ตายเป็นศูนย์ กำชับกวดขันเรียกตรวจขับรถเร็ว

 

 

 

 

 

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และนายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ นางสาวชัชดาพร บุญพีระณัช รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แถลงสรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ประจำวันที่ 1 มกราคม 2567

 

เกิดอุบัติเหตุ 419 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 422 คน ผู้เสียชีวิต 62 ราย สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค. 66 – 1 ม.ค. 67) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,570 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,574 ราย ผู้เสียชีวิต รวม 190 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 19 จังหวัด ซึ่ง ศปถ. ได้กำชับดูแลกวดขันในการเรียกตรวจขับรถเร็ว – ง่วงหลับใน พร้อมแนะผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย

 

 

โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 419 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 422 คน ผู้เสียชีวิต 62 ราย

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ขับรถเร็ว ร้อยละ 39.14 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 30.55 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.51 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 85.44 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 39.86 ถนนใน อบต./หมู่บ้านร้อยละ 33.17 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ช่วงเวลา 00.01 – 01.00 น. ร้อยละ 10.26 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด อยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปี ร้อยละ 17.36 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา (จังหวัดละ 15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ประจวบคีรีขันธ์ 22 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด กรุงเทพมหานคร 5 ราย

 

 

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ (29 ธ.ค. 66 – 1 มกราคม 67) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,570 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,574 คน ผู้เสียชีวิต รวม 190 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดกาญจนบุรี 57 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด กาญจนบุรี 56 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด กรุงเทพมหานคร 13 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 19 จังหวัด

 

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (2 ม.ค. 67) ประชาชนบางส่วนเดินทางถึงกรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่าง ๆ แล้ว บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ทำให้ถนนสายหลักในบางจุดมีปริมาณการจราจรหนาแน่น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้ประสานจังหวัดปรับแนวทางการดูแลความปลอดภัยให้สอดคล้องกับการเดินทางและปัจจัยเสี่ยง

 

 

อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจยานพาหนะและรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง เพื่อชะลอความเร็วรถและประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาวที่มักเกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหลับใน นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล อาสาสมัคร กู้ชีพกู้ภัย ให้พร้อมเข้าถึง จุดเกิดเหตุและรับส่งผู้ประสบเหตุอย่างรวดเร็ว

 

 

ด้านนายไชยวัฒน์ คาดว่าเส้นทางสายหลักยังคงมีปริมาณรถหนาแน่น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำชับให้จังหวัดสนธิกำลังอาสาสมัครอำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้สวมหมวกนิรภัยและไม่ขับขี่ด้วยความคึกคะนองและเสี่ยงอันตราย รวมถึงตรวจสอบประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ยังตกค้างในสถานีขนส่งต่าง ๆ ให้สามารถเดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย

 

 

ทั้งนี้ ขอฝากผู้ใช้รถใช้ถนนดูแลสภาพร่างกายให้พร้อมขับขี่ และตรวจเช็คสภาพรถให้ปลอดภัยก่อนออกเดินทางกลับ ไม่ขับรถเร็ว ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด หยุดพักรถทุก 1 – 2 ชั่วโมง ไม่ฝืนขับรถ เมื่อมีอาการง่วงนอนให้จอดพักรถตามจุดบริการต่างๆ หรือสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ท้ายนี้ หากประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube