fbpx
Home
|
ข่าว

ส.ว.ยังเสียงแตก-ม.112 เป็นสาเหตุหลักตัดสินใจ

Featured Image
ส.ว.ยังเสียงแตก แต่มีบางคนที่เคยประกาศจะโหวตตามเสียงข้างมาก เปลี่ยนใจแล้ว ม.112 เป็นสาเหตุหลัก

 

 

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้พยายามช่วยกันโทรศัพท์เช็กเสียง ส.ว. ต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ โดยเฉพาะ สว. ที่ประกาศชัดเจนผ่านสื่อว่า จะโหวตเลือกนายกฯ
ตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้ 14 คน ได้แก่
1. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์
2. นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน
3. นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล
4. นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล
5. นายประมาณ สว่างญาติ
6. นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ
7. นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม

 

 

8. นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์
9. นายภัทรา วรามิตร
10. นายทรงเดช เสมอคำ
11. นายวันชัย สอนศิริ
12. นางประภาศรี สุฉันทบุตร
13. นายมณเฑียร บุญตัน
14.นายแพทย์เจต ศิรธรานนท์

 

 

ทั้งนี้ พบว่าส่วนใหญ่ ยังคงมีจุดยืนเดิมที่จะโหวตตามเสียงข้างมาก แต่บางส่วนไม่รับสาย มีเพียงนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ที่ยอมรับว่า ได้เปลี่ยนใจไม่โหวตให้ ส่วน นายทรงเดช เสมอคำ ที่แม้จะยืนยันว่า โหวตให้นายพิธา แต่เชื่อว่า
นายพิธา จะได้เสียง ส.ว. ไม่เพียงพอ หากไม่ประกาศว่าจะไม่แตะต้องมาตรา 112 ด้านนายดิเรกฤทธิ์ เปิดเผยว่า ยังมีเงื่อนไขที่ต้องตัดสินใจในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่โดยหลักการก็ยึดตามเสียงข้างมากของ ส.ส.

 

 

ทั้งนี้ จากการไล่โทรเช็ก มี ส.ว. รับสาย 24 คน
– มี8 คน ยืนยัน ไม่โหวตให้ เพราะติดเงื่อนไข การแก้มาตรา 112
– มี 5 คนโหวตให้ ตามเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร
– มี 9 คน ขอตัดสินใจในวันโหวตเลือกฯ
– มี 2 คน ไม่ตอบคำถาม

 

 

 

โดย สว.หลายคน ที่ไม่โหวตให้ และยังไม่ตัดสินใจ เพราะมีข้อกังวลในเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 และนโยบายเรื่องความมั่นคง

 

 

อาทิ นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ส.ว. กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจ ขอรอดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาต้องชั่งน้ำหนักถึงหลักการและเรื่องนโยบาย โดยในหลักการนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลก็มาตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็ดูเรื่องนโยบายที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติหรือไม่ เช่น การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 การขึ้นค่าแรงต่อการลงทุนของต่างประเทศ การอยู่รอดของอุตสาหกรรมไทย เรื่องนโยบายต่างประเทศที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับประเทศเพื่อนบ้าน และกับประเทศมหาอำนาจ เป็นต้น และอีกหลายประเด็นที่เป็นห่วง ดังนั้น ตนจึงยังไม่ตัดสินใจ เพราะเห็นว่าพรรคก้าวไกลก็ปรับนโยบายไปเรื่อยๆ และดูว่าวันสุดท้ายจะมีการชูนโยบายของตนเองให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติมากน้อยแค่ไหน

 

 

ขณะพลอากาศตรีเฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. กล่าวถึง การตัดสินใจโหวตนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ได้มองที่ตัวบุคคล แต่ตนพิจารณาจากแนวคิด ยึดความมั่นคงของประเทศชาติ ศาสนาและประชาชนเป็นสำคัญ เพราะไม่อยากนอนผวาว่า วันดีคืนดี จะมีใครมาทำลายเรื่องของความมั่นคงของชาติ และส่วนตัวไม่ได้มองว่าใครจะสืบทอดอำนาจของใคร แต่จะขอยึดความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก ส่วนจะโหวตเลือกนายพิธาหรือไม่ คำตอบอยู่ในคำชี้แจงข้างต้นแล้ว

 

 

ด้านนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. ยอมรับว่า ตอนแรกตนตัดสินใจจะโหวตให้นายพิธา แต่เมื่อพิจารณาจากนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ก็รู้สึกว่าไม่สามารถโหวตให้ได้แล้ว แต่หากนายพิธา ยอมยกเลิกการแก้ไขมาตรานี้ ตนก็พร้อมที่จะโหวตให้

 

 

ส่วนก่อนหน้านี้มีหลายคนเลือกนายพิธา ตอนนี้มีเปลี่ยนใจแล้วหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดประชุม ส.ว.มา ก็มีการพูดคุยเรื่องนี้มาโดยตลอด และมีที่ยังจะสนับสนุนนายพิธาไม่ถึง 10 คน พร้อมยอมรับว่า มีตัวแทนจากพรรคก้าวไกลติดต่อกับ ส.ว.หลายครั้ง และหลายคน เพื่อพูดคุย แต่ส่วนใหญ่ตอบกลับไปว่า ขอพิจารณาหน้างาน แต่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลรู้ตัวแล้วว่าจะได้เสียงไม่ถึง

 

 

ส่วนนายทรงเดช เสมอคำ ส.ว.ยังคงยืนยันที่จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าเสียง สว. ขณะนี้ ไม่สามารถทำให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ดังนั้น จึงเรียกร้องให้นายพิธาออกมาประกาศให้ชัดเจนว่า จะไม่แตะต้องมาตรา 112 เชื่อว่าจะเป็นทางออกเดียวที่จะทำให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้

 

 

สำหรับพลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ได้ให้ความเห็นว่า วุฒิสมาชิกมีวุฒิภาวะมากพอที่จะตัดสินใจลงหรือไม่ลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เลือกเพราะความคุ้นเคย ศรัทธา หรือผลประโยชน์อื่นใด พิจารณาเลือกเพื่อให้บริหารประเทศที่เขารัก เพื่อประชาชน เพื่อลูกหลานในอนาคต

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube