“เอกชัย” ยื่น กกต. เรียกร้อง เร่งรับรอง ส.ส.เดินหน้ากระบวนการตั้งรัฐบาล อัดชุดรักษาการหมดความชอบธรรม ออกพรก.ขัดรัฐธรรมนูญ ชี้ หุ้นสื่อ”พิธา” ยกคดี”ชาญชัญ”มาเทียบเคียงได้
นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมายื่นเอกสาร ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้เร่งรัดการรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) โดยกล่าว ที่ผ่านมา รัฐสภาผ่าน พรบ.ป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย การกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออก พรก.แก้ไขเพิ่มเติม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เพื่อขยายเวลาบังคับใช้บางมาตราของ พรบ. นี้ออกไปเป็นวันที่ 1 ต.ค. นี้ โดยอ้างเหตุแห่งความไม่พร้อมด้านงบประมาณและบุคลากร ส่งผลให้ ส.ส. บางส่วนไม่เห็นด้วย และร่วมส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถึงความชอบของ พรก.ขยายเวลาฯ นี้ ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ พรก.ขยายเวลาฯ นี้ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง ส่งผลให้ พรบ.ป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา
ตามธรรมเนียมของรัฐสภา หาก พรก. ใดไม่ชอบด้วยกฎหมาย รัฐบาลนั้นจะต้องแสดงความรับผิดชอบ หลายฝ่าย จึงเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการ รับผิดชอบต่อ พรก.ขยายเวลาฯ นี้ด้วยการลาออก
แต่รัฐบาลนี้กลับอ้างจำเป็นต้องรักษาการต่อ เนื่องจากยังไม่มีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้ กกต. เร่งรัดการรับรอง ส.ส. จากการเลือกตั้งก่อนกำหนด 60 วัน เพื่อให้รัฐสภาสามารถเปิด
ประชุม และดำเนินการแต่งตั้งรัฐบาลใหม่แทนที่รัฐบาลรักษาการ โดยเป็นการรักษาเกียรติของรัฐสภา
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า กรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ถูกร้องเรียนเรื่องหุ้น ITV มองว่ากรณีของนายพิธา มันมีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือหุ้น AIS 200 หุ้น แล้วว่าการถือหุ้นเพียงเท่านี้มันไม่ผิด กรณีนายพิธาถือหุ้น itv 42,000 หุ้น ซึ่งหุ้นของ itv ทั้งหมดมีมากกว่า 1,200 ล้านหุ้น คิดเป็นแค่ร้อยละ 0.0035 ต้นถือว่าน้อยมาก แต่มองว่าสามารถหยิบยกคำพิพากษามาพิจารณาตีตกคำร้องไปได้เลย แบบเดียวกับเงินดิจิตอล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นการสัญญาว่าจะให้ ปรากฏแล้วว่า กกต. พิจารณาแล้วว่าไม่เข้าข่าย ถือว่าเป็นเท็จ เป็นนโยบายถือว่าไม่ผิด สามารถตีตกได้เลย ทุกเคสที่ร้องเรียนมาแล้ว กกต.มีอำนาจวินิจฉัยเองอยู่แล้ว พร้อมย้ำให้หยิบยกคำพิพากษาศาล ถึงการถือหุ้นของนายชาญชัย มาพิจารณาเพื่อจะได้ตีตก เรื่องหุ้นของนายพิธาได้เลย
เมื่อถามต่อว่าหากมีคำวินิจฉัยออกมาเป็นด้านลบ กรณีที่ นายพิธา ถือหุ้นสื่อ จะส่งผลต่อการออกมาของเคลื่อนไหวอย่างไร นายเอกชัย มองว่า เป็นไปได้ สมมุติว่าการรับรองส.ส. หาก กกต.ส่งเรื่องนายพิธา ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนโหวตนายก แล้วศาลยังไม่ได้พิจารณา นายพิธา ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะได้โหวตเป็นนายกรัฐมนตรี จะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ นายพิธา โดนศาลรัฐธรรมนูญแขวน กรณีเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้แขวนไว้ก่อนมากกว่า 30 วัน และพิจารณาวาระ 8 ปีจะยังไงต่อ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจทำให้เสียสิทธิ์เป็นแคนดิเดตแล้วไปโหวตคนอื่น ส่วนตัวมองว่าไม่เป็นผลดี ไม่ว่าผลวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ตาม สมมติว่าศาลวินิจฉัยไม่ผิด แล้วไปแขวนายพิธา ให้เค้าไม่มีสิทธิ์ได้ไปโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี มันก็เป็นผลเสีย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
