ภูมิใจไทย โต้ TDRI ยันไม่ได้ใช้งบประมาณเยอะที่สุด เชื่อ เป็นพรรคที่ใช้งบประมาณน้อยที่สุดแล้ว
นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิก พรรคภูมิใจไทย และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย ดร. อนุกูล แต้มประเสริฐ ประธานมูลนิธิสถาบันเพื่อพัฒนานวัตกรรม และดร.เพียงออ เลาหะวิไลย นักวิจัยของมูลนิธิและอาจารย์สิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าว ชี้แจงนโยบายพรรคภูมิใจ
นายศุภชัย กล่าวว่า จำเป็นต้องขอแถลงอีกครั้งนึงเรื่องของนโยบาย เพราะมีการนำนโยบายแต่ละพรรคการเมืองจะใช้เงินงบประมาณของรัฐเป็นจำนวนเท่าใดในภาพรวม สถาบัน TDRI มีการนำข้อมูลไปเผยแพร่ออกว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่มีนโยบายหาเสียงใช้งบประมาณมากที่สุดถึง 1.9 ล้านล้านบาท เหล่านั้นไปลงโดยไม่ได้จรวจสอบครบถ้วน ว่าตัวเลขของงบประมาณต่าง ๆ
มันมีกันจริง ๆ เท่าใด หรือมีเงินส่วนใดที่มาจากภาคอื่นที่ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน จึงจำเป็นมาชี้แจงในวันนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ได้คิดเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง แต่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคกับภาควิชาการ ในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ประกอบด้วยนักวิชาการที่เป็รอาจารย์จากมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ม.ข่อนแก่น และ ม.อุบลราชธานี นอกจากสามมหาวิทยาลัย ก็มีการทำงานร่วมกับมูลนิธิสถาบันเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้วย
ดร.เพียงออ กล่าวว่า นโยบายทั้งหมดมี 21 นโยบาย แบ่งตามวัตถุประสงค์หลักเป็นสี่กลุ่มใหญ่คือ นโยบายเพื่อเพิ่มรายได้ นโยบายเพื่อลดรายจ่าย นโยบายเพื่อสร้างโอกาส และนโยบายสร้างโอกาสให้ประเทศเกิดการพัฒนา โดยการใช้งบประมาณนั้น ไม่ได้ใช้แค่เพียงการใช้งบประมาณของรัฐเพียงอย่างเดียว แต่จะนำเงินจากแหล่งทุนอื่น นโยบายของพรรคภูมิใจไทย
ใช้งบประมาณจากแหล่งอื่น 7,225,880 ล้านบ้าท และใช้งบประมาณของรัฐเพียง 223,629 ล้านบาท มิใช่ 1.7 ล้านล้านบาท ดังที่มีผู้เผยแพร่ข่าว แต่อย่างใด และยังมีผลตอบแทนต่อประเทศ จากการดำเนินการตามนโยบาย ทั้งที่รัฐดำเนินการเองและส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน ซึ่งมีมูลค่า มากกว่า งบลงทุนที่รัฐได้จ่ายไป ถึง 27.4 เท่า นอกจากเรื่องการเงินและยังมองถึงมิติทางชีวิตและจิตใจของประชาชนด้วย มิติทางการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน SDGs
นายศุภชัยกล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ที่ชุมพรระน้อง จะเป็นโครงการที่นำรัฐกับเอกชนมาร่วมลงทุนกันเราเป็นรัฐเราเป็นเจ้าของโปรเจคเอกชนเอาเงินมาลงทุนกัน สิ่งพรรคทำอย่างเดียวคือการไปขอออกกฎหมาย ออก พ.ร.บ. เขตพิเศษภาคใต้เพื่อมีอำนาจในการทำโครงการนี้ เหมือน EEC ทางภาคตะวันออก รวมถึงนโยบายเงินกู้ฉุกเฉิน พรรคมีหน้าที่ไปแก้ไขอำนาจที่กระทรวงการคลังออกใบอนุญาตให้กับธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ ที่ใบอนุญาตมีจำกัด ประชาชนเข้าไม่ถึงเท่าไหร่ แหล่งเงินตรงนี้คือเราออกกฎหมายเมื่อเขามีใบอนุญาต ก็เขียนกฎหมายให้ปล่อยกู้ให้กับประชาชนที่ไปขอกู้ฉุกเฉินได้โดยไม่มีผู้ค้ำประกัน
ในส่วนของนโยบายส่งภาษีสู่บ้านเกิดเมืองนอน ไม่ใช่นโยบายที่ต้องใช้งบประมาณเช่นบ้านท่านอยู่นครสวรรค์แต่ว่าท่านอยู่กรุงเทพ เมื่อต้องต่ายภาษีบุคคลให้ระบุไปเลยว่าเราต้องเสีย 100 บาทขอให้ 30 บาทส่งไปยังบ้านเกิดของท่าน เป็นนโยบายที่เราคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับท้องถิ่นมากกว่าที่จะเงินจะกองอยู่ในกรุงเทพ
“ที่ผ่านมาพรรคคิดเยอะมากแต่มาคุยกับนักวิจัย ดังนั้นเรื่องที่นำเสนอไปจึงเป็นการศึกษาในทุกมิติและทำได้อะไรที่เป็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องแก้ไขเราเตรียมกฎหมายต่าง ๆ ไว้แล้ว เราได้เตรียมไว้แล้วทุกอย่างพร้อมที่จะเดินหน้าได้” นายศุภชัยกล่าว
นายพุทธิพงศ์กล่าวว่า หลาย ๆ โครงการ ไม่ใช่โครงการที่เป็นรูปแบบใหม่ ไม่ใช่โครงการที่รัฐจะต้องลงทุน 100% ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องของการเน้นนโยบายเราจะไม่เชื่อในนโยบายของประชานิยมให้เปล่า ทุกนโยบายเราคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง เราเชื่อว่าทุกคนผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาหลายครั้ง เช่น ต้มยำกุ้ง ก็มาจากการบริหารงบประมาณที่เป็นปัญหาภูมิใจไทยนอกจากนโยบายทำได้จริงแล้วเรายังคำนึงถึงการบริหารจัดการงบประมาณมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะเป็นภาษีพี่น้องประชาชนที่เอามา
“กระบวนการนำเสนอของทีดีอาร์ไอมีความคลาดเคลื่อน แล้วถ้าจะใช้มาตรฐานนี้ในการที่จะบอกว่าภูมิใจไทยใช้งบประมาณมากที่สุดจึงขอให้ไปดูพรรคการเมืองอื่นที่มีมูลค่าของโครงการที่มากกว่านี้และไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินเหมือนกัน” นายพุทธิพงศ์กล่าว นายศุภชัยกล่าวว่า ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังทีดีอาร์ไอแล้ว จึงอยากเรียกร้องทีดีอาร์ไอให้ช่วยแก้ เพราะมีผล ต่อคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
